”คุณหญิงสุดารัตน์’’เชื่อการแก้รธน.ทางออกความขัดแย้งอย่างสันติ ไม่ใช่ตั้งรัฐบาลแห่งชาติเพื่อยื้อเวลาหรือออกมารัฐประหาร ขณะที่กลุ่มชุมนุมนัดหมายชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 14 ต.ค.นี้
ในเวทีงานสัมมนาเรื่อง “การแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือทางออกประเทศไทย” ที่จัดโดยภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย ร่วมกับ สถาบันสร้างไทยนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปัจจุบันเป็นเผด็จการภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตย การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงพิธีกรรม มีกติกาคำนวณ ส.ส. ที่ทำให้ฝ่ายตัวเองได้เปรียบ ถือเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ และ สืบทอดอำนาจอย่างชัดเจน ส่วนตัวมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือทางออกความขัดแย้งอย่างสันติ ไม่ใช่มาตั้งรัฐบาลแห่งชาติเพื่อยื้อเวลา หรือจะแก้ด้วยวิธีรัฐประหารอีกซึ่งเราไม่เห็นด้วย
‘’รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนต้องเขียนด้วยประชาชน โดยการตั้ง ส.ส.ร. ตามที่ฝ่ายค้านเสนอ พร้อมให้แก้ไขเงื่อนไขเฉพาะกิจเป็นทางออกระหว่าง ส.ส.ร. ร่างรัฐธรรมนูญ คือการแก้ตัดอำนาจ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายกฯ และปิดทางนายกฯ คนนอก เพราะหากนายกฯ ยุบสภากลางคันอาจเป็นปัญหาได้ถ้าไม่แก้ เงื่อนไขเฉพาะกิจตัดอำนาจ ส.ว. เสียก่อน ยืนยันว่าการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการเพื่อประชาชน ดังนั้นขอผู้มีอำนาจอย่าหลอกลวง’’
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า รู้สึกดีใจที่นายนิกร บอกว่ารัฐสภาจะโหวตผ่านร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และอยากฝากว่าในการผ่านมาตรา 256 เรื่องสำคัญคือการคืนสิทธิของประชาชนอย่างจริงใจ และขอย้ำว่า 4 ญัตติของพรรคเพื่อไทย จะเป็นแผนเฉพาะกิจในการหาทางออกของประเทศ วันนี้ขอให้เราส่งเสียงดังๆให้ผ่านทุกญัตติที่มีการเสนอโดยพรรคฝ่ายค้าน และพรรครัฐบาลด้วย
ขณะที่รศ.ดร.โคทม อารียา ประธานภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย แสดงความเห็นว่า ในวันที่ 14 ต.ค. จะครบ 47 ปี 14 ตุลา 16 ในการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย ครั้งนั้นไม่อาจะหวังว่ามันจะจบในรุ่นของตน ดังนั้น 14 ตุลา 63 จะเป็นความหวังของตนอีกครั้งในการเบิกฟ้าขับไล่ทหารออกไป ตนไม่ได้โจมตีทหาร แต่หากทหารทำไม่ชอบ แล้วจะให้เราชอบท่านได้อย่างไร ดังนั้นจึงจำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญ เพราะเป็นกติกาที่ไม่แฟร์ เพราะผู้มีอภิสิทธิ์ อ้างสิทธิจะอยู่ต่อ เพื่อจะได้ทำงานต่อไป
” 14 ต.ค. 63 ตอบอีกครั้งว่าเราเดือดร้อน เยาวชนเดือดร้อน ประชาชนเดือดร้อน คนชราก็เดือดร้อน จึงควรจะจบ ซึ่งคำว่าจบคือขอเชิญทหารออกจากการเล่นการเมือง อย่าตีความเป็นอย่างอื่น ดังนั้นต้องรื้อสิ่งผุพัง และสร้างสิ่งที่เป็นความหวังแห่งอนาคต คือไว้ใจประชาชน ให้ประชาชนตัดสินใจเลือกเดินไปข้างหน้า โดยก้าวแรกคือลงมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก้าวสองเลือกสสร.โดยสุจริต เพื่อไปร่างรัฐธรรมนูญ สุดท้ายก็ลงมติ นี่ไม่ใช่เช็คเปล่า เพราะประชาชนมีส่วนร่วม และมีความชอบธรรมกว่าการลงมติเมื่อปี 59″ รศ.ดร.โคทม กล่าว
อย่างไรก็ตามกลุ่มต่าง ๆ ที่ระบุว่าเป็นคณะราษฎร อาทิ กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย Democracy Restoration Group – DRG เยาวชนปลดแอก － Free YOUTH ได้ออกมาโพสต์ข้อความนัดหมายการชุมชนในวันที่ 14 ต.ค.นี้ โดยระบุข้อความว่าตอนหนึ่งว่า DRG ขอเชิญชวนประชาชนทุกคน ผู้อยากให้ประเทศเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีกว่า ต้องการให้อนาคตของประชาชนมองเห็นแสงสว่าง ไม่อาจทานทนกับสังคมไทยที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ เอื้อพวกพ้อง ทุนผูกขาด ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียน นิสิตนักศึกษา กรรมกร ชาวนา แรงงาน พนักงานออฟฟิศ LGBT ออกมายืนยันร่วมกันว่าประเทศไทยดีกว่านี้ได้
ในวันที่ 14 ตุลาคม 2563 เวลา 14:00 น. เป็นต้นไป พร้อมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
นี่ไม่ใช่เพียงการเคลื่อนไหวของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการเคลื่อนไหวของราษฎรทุกคน
เพราะเราทุกคนล้วนเป็น #คณะราษฎร ประกาศคณะราษฎร
