”บิ๊กบี้’’ ลั่นการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ชี้โอกาส “ปฏิวัติ” เป็นศูนย์ เตือนลดเงื่อนไขความขัดแย้ง ส่วนท่าทีการแก้ไขรธน.นั้นต้องดูที่เหตุผลและข้อเท็จจริงต่างๆ
เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) วาระพิเศษระดับผู้บัญชาการกองพลหรือเทียบเท่าครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายกองทัพกับการเมือง โดยระบุว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง แต่ถ้าบอกว่ากองทัพกับรัฐบาลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะกองทัพปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล ตัวเองเป็นข้าราชการประจำไม่ใช่ข้าราชการการเมือง ดังนั้นตนปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล รมว.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้ความมั่นใจหรือให้สัญญาว่าจะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้น พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า คำถามนี้ถามมาทุกผบ.ทบ. และทุกคนก็ตอบไปหมดแล้วคือโอกาสของการทำเรื่องพวกนี้ทุกอย่างเป็นศูนย์หมดบนพื้นฐานที่อย่าให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสร้างเงื่อนไขปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรง และกระทบต่อความเดือดร้อน อยากให้ทุกคนร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ด้วยการขจัดเงื่อนไขต่างๆเหล่านี้ให้หมดไปจากประเทศไทยและติดลบ เพราะศูนย์ก็ไม่พอ แต่การจะติดลบได้ทุกคนต้องช่วยกัน
“โอกาสมันไม่มีอยู่แล้ว ผมคิดว่าสถานการณ์ประเทศไทยไม่มี เพราะตอนนี้เราเป็นประเทศที่ดีที่สุด เราก็เห็นอยู่แล้วว่าเป็นประเทศที่มีเสรีมากที่สุด และมีความอุดมสมบูรณ์ ที่เราอยู่กันแล้วมีความสุข คนส่วนใหญ่และใครๆก็อยากมาอยู่ประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงสภาวะการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เราจึงต้องช่วยกันขจัดเงื่อนไขต่างๆและทำให้ประเทศไทยฟื้นตัวมากกว่าประเทศอื่น รวมถึงให้ประเทศสามารถควบคุมอะไรทุกอย่างได้ และให้มีการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ”
ส่วนสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง ผบ.ทบ. มองว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเสรีภาพ ใครที่บอกว่าไม่เป็นประชาธิปไตยนั้นคืออะไรที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ทุกคนก็มีเสรีภาพ แต่เสรีภาพการแสดงความคิดเห็นก็มีตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แต่ต้องเข้าใจว่าการใช้สิทธิเสรีภาพด้านใดด้านหนึ่งต้องมี 2 เรื่องประกอบ คือ 1.ต้องไม่ก้าวล่วงสิทธิของคนอื่น 2.ต้องมีความรับผิดชอบต่อเสรีภาพที่ตัวเองกระทำ ถ้าไปก้าวล่วงหรือทำผิดกฎหมาย
พล.อ.ณรงค์พันธ์ ยังมองว่าข้อเรียกร้อง 10 ข้อของนักศึกษา ว่า ก็เหมือนกับการปฏิรูป แต่การปฏิรูปคือการแก้ไขปรับปรุง ดังนั้นทุกคนควรกลับมามองและปฏิรูปตัวเองก่อน เหมือนกับคำสอนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ตัวเองเป็นชาวพุทธที่นับถือท่านสอนเรื่องกระจกหกด้าน ไม่ใช่มองแต่ด้านตัวเองว่าดีและถูกต้องหมดทุกอย่าง ซึ่งต้องมองมุมอื่นด้วยทั้ง 6 ด้าน อยากให้ทุกคนมองตนเองก่อนและกลับไปดูตนเองว่ามีความถูกต้อง สมบูรณ์ และมีความวิริยะก่อนที่จะไปบอกให้คนอื่นทำแบบนั้นแบบนี้
พล.อ.ณรงค์พันธ์ ย้ำด้วยว่า ในหัวของตัวเองมี 4 อย่าง คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน จะทำทุกอย่างเพื่อรักษาความมั่นคงของ 4 อย่างนี้ ซึ่งไม่บอกว่าจะทำอะไร แต่จะทำตามอุดมการณ์ของกองทัพบก และอุดมการณ์ของตัวเองที่ยึดถือมาตั้งแต่เข้าเป็นนักเรียนโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามกรอบกฎหมายที่เป็นระเบียบของบ้านเมืองและสังคม
สำหรับท่าทีในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น พล.อ.ณรงค์พันธ์ ระบุว่า การดำรงตำแหน่งส.ว.ของผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นไปตามรัฐธรรมนูญกำหนด แต่ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีมาตั้งแต่เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว ยืนยันว่าทุกอย่างไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หมด เพราะเราไม่ใช่หุ่นยนต์ที่มานั่งยกมือเพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องมองด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริงต่างๆ