“บิ๊กตู่” ยอมถอยคนละก้าว แต่ฝ่ายม็อบยอมแต่นายกฯต้องลาออก ภายใน 3 วัน ฝ่ายปกป้องสถาบันกษัตริย์นัดรวมตัวแสดงพลังเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยที่ไม่ให้พวกกบฎพลัดถิ่นมายึด
@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ เดอะคีย์นิวส์ https://thekey.news สัปดาห์นี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 63 ในที่สุด “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยอมถอย 1 ก้าวแล้ว ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร แต่กลุ่มผู้ชุมนุมราษฎร กลับยื่นข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีต้องลาออกภายใน 3 วัน
@@@…….พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ในฐานะ รอง ผอ.รมน. เป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. (วาระพิเศษ) โดยมีผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน.(ส่วนกลาง) กอ.รมน.ภาค และรอง ผอ.รมน.จังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วมประชุม เพื่อมอบแนวทางการปฏิบัติงานและเน้นย้ำประเด็นที่สำคัญหลายเรื่อง โดยเฉพาะการให้ความสำคัญเสริมสร้างความมั่นคงสถาบันหลักของชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่สร้างคุณูปการและความสำคัญต่อประเทศ เสริมสร้างให้ประชาชนตระหนักและเทิดทูนพิทักษ์รักษาพระบรมเดชานุภาพด้วยความจงรักภักดี ขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
@@@……นอกจากนี้ ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วน กอ.รมน.จะเป็นองค์กรสนับสนุนการแก้ปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบกับความมั่นคงในทุกมิติด้วยการใช้การอำนวยการประสานงาน เป็นบทบาทหน้าที่หลัก ร่วมบูรณาการและการเสริมการปฏิบัติของหน่วยงานอื่นๆ การดำเนินงานของ กอ.รมน.จังหวัดจะเน้นการเสริมสร้างให้มีความเข้มแข็ง มีศักยภาพบูรณาการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน การสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่มีความเข้าใจในข้อมูลที่ถูกต้อง ลดความขัดแย้งให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งถือว่า กอ.รมน.จังหวัด เป็นส่วนที่สำคัญที่จะเสริมสร้างความมั่นคงให้เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ โดยขอให้นำปัญหาภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่มีความแตกต่างในแต่ละพื้นที่ป้องกันระงับยับยั้ง ทำให้ประเทศชาติมีความสงบสุข ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีมีสุข
@@@…….การล้มรัฐบาล ล้มรัฐธรรมนูญ ล้มสถาบัน ยกเลิกโบราณประเพณี สิ่งเหล่านี้มันคือ กบฏบนถนนชัดๆ โทษสถานเดียวคือ “ประหาร” สิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงต้องจัดการ “ผู้นำกบฏ” ที่หลอกให้เด็ก ๆ หลงไปกับความน่าเชื่อถือและเลือกที่จะเชื่อ โดย การนำของนักการเมืองบางพรรค และรวมถึง มวลชนแดงล้มเจ้า คือ Organic Essential ที่มีแหล่งเงินหลักในประเทศ กลุ่มทุนต่างประเทศ ทุนตัวแทน เช่น Amnasty, Human Right Watch ซึ่งทั้งหมด หมายถึงทั้ง Leadership และ Organic Essential คือเป้าหมายที่จะต้องถูกเข้าตีผ่าน Cyber Warfare เพื่อให้ได้มา ซึ่ง Strategic Paralysis ซึ่งภาครัฐจักต้องดำเนินการให้สำเร็จ….แต่ดูเหมือนว่าเวลานี้ทุกอย่างจะหยุดนิ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหว น๊อตทุกตัวหลวม เหลือแต่โครงสร้าง ดูแต่ตัวบุคคลไม่ดูบ้านเมืองทุกอย่างก็พัง คงต้องขันน๊อตกันใหม่
@@@…….มิฉะนั้นอาจมีการปะทะกันด้วยการใช้ความรุนแรงบนถนนของประชาชนที่เห็นต่างแบบยอมกันไม่ได้ เกิดจลาจลคุมไม่อยู่ ในลักษณะสถานการณ์รูปแบบเดียวกับ Arab Spring, Hong Kong Summer เข้าสู่ Bangkok Winter ตามที่กลุ่มทุรยศต่อชาติได้วางแผนไว้ในที่สุด ฉะนั้น อย่าให้พวกล้มเจ้าขยายแนวร่วม และเครือข่าย และใช้ Cyber Warfare…อย่างไรก็ตาม ในประวัติศาสตร์สากลของโลกใบนี้ ไม่เคยมีม็อบบนถนนใดๆ ณ ประเทศใดๆ ในอดีต สามารถล้มรัฐบาล ไล่ผู้นำประเทศให้ลาออกได้ ด้วยคนในม็อบหลักแค่เกือบหมื่นเท่านั้น หรือว่าคิดว่าได้ หรือว่ามีวัตถุประสงค์อื่น และหรือว่าเพื่อปลูกเมล็ดพันธุ์ โดยไม่สนใจว่าใครจะบาดเจ็บล้มตาย ชาติจะพังพินาศไปก็ไม่สน เช่นนั้นหรือ ฝ่ายความมั่นคง คงยอมง่ายๆ ไม่ได้
@@@…….ตื่นเต้นตกใจกันเป็นแถว เมื่อเห็นภาพการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์บนถนนมอเตอร์เวย์จาก จ.ชลบุรี เข้ามา กทม. ทาง พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ต้องออกมาชี้แจงว่า เป็นการเคลื่อนย้ายรถยานพาหนะทางทหารของกรมสรรพาวุธทหารบกจากท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อไปประจำการที่ จ.สระบุรี สำหรับยานพาหนะดังกล่าว เป็นการขนย้ายยานเกราะล้อยางสไตรเกอร์ จำนวน 14 คัน เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจรับ ที่กองพันสรรพาวุธซ่อมบำรุงเขตหลัง จ.สระบุรี โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท แต่ไม่ได้เข้ามาพื้นที่ชั้นในของ กทม.
@@@…….ในการประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยที่ประชุม ศบค.มีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกาศขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เป็นคราวที่ 7 ตั้งแต่วันที่ 1-30 พ.ย.2563 ขณะที่สถานการณ์ผู้ติดเชื้อทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 41,040,619 คน เสียชีวิต 1,129,591 คน โดยสหรัฐอเมริกา อินเดีย บราซิล รัสเซีย สเปน อาร์เจนตินา มีผู้ติดเชื้อสูงสุดตามลำดับ และยังมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อสูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ประเมินแล้วเห็นว่าโรคโควิด-19 ยังอยู่ในไทยอีกนาน และจะกลายเป็นโรคประ จำถิ่น ดังนั้น การติดเชื้อถือเป็นเรื่องปกติ และการจะยึดติดที่ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อที่เป็นศูนย์รายไม่ได้แล้ว
@@@…….สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด -19 ปัจจุบันในประเทศรอบบ้านที่มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศเมียนมา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการแพร่เชื้อกระจายเข้าไทยจนอาจยากแก่การควบคุม รัฐบาล โดยกระทรวงกลาโหมเล็งเห็นความสำคัญถึงความร่วมมือในภูมิภาค เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาด จึงสนับสนุนงบประมาณให้ศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนจัดหาห้องความดันลบ สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อแบบเคลื่อนย้ายได้ จำนวน 20 ชุด สนับสนุนกิจการแพทย์ทหารของประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ ประกอบด้วย เมียนมา ลาว กัมพูชาและมาเลเซีย เพื่อใช้ในการควบคุมการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานขนส่งห้องความดันลบดังกล่าวส่งมอบให้ประเทศเพื่อนบ้านบริเวณชายแดน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
@@@…….วันก่อน “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางตรวจพื้นที่ชายแดนด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อติดตามการปฏิบัติงานของกองกำลังนเรศวร ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการดูแลพื้นที่ชายแดนในช่วงสถานการณ์ COVID-19 โดยเฉพาะมาตรการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านการคัดกรอง แก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน การเฝ้าตรวจและสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย ควบคู่ไปกับมาตรการป้องกัน COVID-19 โดยเฉพาะการดูแลพื้นที่ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วย ไม่ให้มีการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านการคัดกรอง เข้มงวดตามมาตรการที่ได้ดำเนินการไว้แล้ว ทั้งเรื่องการใช้กำลังเฝ้าตรวจ มาตรการด้านการข่าว ความร่วมมือของประชาชน ผู้ประกอบการ รวมทั้งการวางเครื่องกีดขวางตามแนวเส้นทางธรรมชาติ ไฟส่องสว่าง การลาดตระเวนตรวจการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจ และประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในทุกช่องทาง เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของ COVID-19 เข้าสู่ประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล
@@@…….ทหารมีเพื่อ…..กองทัพบกโดย กองทัพภาคที่ 2 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบอุทกภัย ล่าสุดมีการเคลื่อนย้ายที่ตั้งกองอำนวยการร่วม ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมไปตามพื้นที่ความเดือดร้อนที่เทศบาลเมืองปัก อ.ปักธงชัย โดย มณฑลทหารบกที่ 21 กองพลพัฒนาที่ 2 ร่วมกับ สำนักงานภาค 5 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบินที่ 1, อาสากู้ภัย, จิตอาสา และหน่วยงานในพื้นที่ช่วยอำนวยความสะดวกการสัญจร ยกสิ่งของขึ้นที่สูง ลำเลียงอาหารและน้ำดื่มแจกจ่ายประชาชน และก่อกระสอบทรายตั้งแนวกั้นน้ำตามพื้นที่
@@@……. ส่วนอำเภอที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมเนื่องจากเป็นเส้นทางของกระแสน้ำ คือ อ.โชคชัย อ.พิมาย และ อ.จักราช ล่าสุดกองทัพภาคที่ 2 ส่งกำลังจาก กรมทหารปืนใหญ่ที่ 3 และ กองพันทหารช่างที่ 202 จัดตั้งกองอำนวยการร่วมในพื้นที่ตามนโยบายของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ให้เข้าไปในพื้นที่เสี่ยงก่อน เพื่อประเมินสถานการณ์ เตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ เข้าสกัดกั้นน้ำและช่วยประชาชนเตรียมรับมือ โดยเฉพาะที่ อ.พิมาย ซึ่งมีโบราณสถานสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผบ.ทบ.ห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เน้นย้ำให้หน่วยทหารสนับสนุนทุกภาคส่วนในการให้ความช่วยเหลือโดยเฉพาะในด้านปัจจัย 4 ทั้งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค เพื่อคลายความเดือดร้อนและลดผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด
@@@…….ขณะที่ กองบิน 1 นาวาอากาศเอกเจริญ วัฒนศรีมงคล ผู้บังคับการกองบิน 1 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบิน 1 มอบหมายให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบิน 1 นำกำลังพล จำนวน 30 คน, รถบรรทุกขนาดใหญ่ จำนวน 2 คัน, รถบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 1 คัน และเรือท้องแบน จำนวน 2 ลำ พร้อมยุทโธปกรณ์ เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา โดยนำกำลังพลช่วยเคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นสู่ที่ปลอดภัย และนำรถบรรทุกขนาดใหญ่ และเรือท้องแบนอพยพลำเลียงประชาชน ออกจากพื้นที่ที่น้ำท่วมสูง รวมถึงอำนวยความสะดวกในการบรรทุกลำเลียงอาหารและน้ำดื่ม นำแจกจ่ายประชาชนตามชุมชนต่าง ๆ สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน จำนวน 328 ครัวเรือน 1,312 คน ที่พื้นที่เทศบาลเมืองเมืองปัก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา
@@@…….ปิดท้ายด้วยนิทานแผ่นดิน
—————————————
“รหัสมอร์ส”