“สุริยะ” เล็งปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก 6 ท่าอากาศยานที่อยู่ภายใต้การดูแลของทอท. พร้อมว่าจ้างที่ปรึกษาศึกษารายละเอียดเทียบต่างประเทศ คาดเสร็จใน 2 เดือน หวังเพิ่มรายได้นำมาพัฒนาสนามบิน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ศึกษาการปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charges: PSC) ใน 6 ท่าอากาศยานที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ทอท. เปรียบเทียบอัตราค่าบริการของไทยกับท่าอากาศยานชั้นนำทั่วโลก เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และฮ่องกง ซึ่งหากพบว่าปัจจุบันไทยจัดเก็บค่าธรรมเนียม PSC ต่ำกว่าท่าอากาศยานหลายแห่งในโลก ก็จำเป็นต้องปรับค่าธรรมเนียมนี้เพิ่มขึ้น เพื่อให้ ทอท.ได้นำรายได้ไปพัฒนาบริการในท่าอากาศยานเพิ่มขึ้น
โดย ทอท.ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการคาดเสร็จภายใน 2 เดือน หรือประมาณ ก.ย.นี้ แต่จะปรับขึ้นในอัตรา 100 บาทหรือไม่นั้น คงต้องรอให้ ทอท.ศึกษาก่อน และถ้าเก็บค่าธรรมเนียมนี้เพิ่มขึ้น ก็จะเกิดประโยชน์เอามาพัฒนาโครงการอื่นๆ ในท่าอากาศยาน เช่น โครงการพัฒนาอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้ กระทรวงฯยืนยันว่า แนวทางการปรับขึ้นค่า PSC แม้จะเป็นการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับ ทอท. แต่ไม่ได้เกี่ยวกับรายได้เชิงพาณิชย์ที่หายไป การพิจารณาเรื่องนี้เพียงต้องการให้ค่าธรรมเนียมสะท้อนต้นทุนจริง และอยู่ในอัตราใกล้เคียงกับท่าอากาศยานอื่นๆ ซึ่งก็สามารถจัดเก็บในราคาเหล่านี้ได้ และไม่กระทบต่อการเดินทางของผู้โดยสาร อีกทั้งขณะนี้ก็พบว่าไทยจัดเก็บค่าธรรมเนียม PSC ขาออกในอัตราที่ต่ำกว่าประเทศอื่น เพื่อนำเงินไปพัฒนาบริการ และเชื่อว่าจะไม่เป็นปัจจัยกระทบการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยว
น.ส.ปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า ทอท.จัดเก็บค่า PSC แบ่งเป็น ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศอยู่ที่ 730 บาท และผู้โดยสารขาออกในประเทศอยู่ที่ 130 บาท ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับสนามบินชั้นนำอื่นๆ ทั่วโลก และไม่ได้มีการปรับขึ้นมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งปี 67 ครม. อนุมัติให้ปรับขึ้น แต่อนุมัติให้ปรับในอัตรา 30 บาท ซึ่งยังต่ำกว่าท่าอากาศยานอื่นๆ จึงทำให้ ทอท.ต้องศึกษาแนวทางปรับขึ้น เพื่อหาจุดที่เหมาะสม และทำให้ ทอท. มีรายได้เพียงพอที่จะพัฒนาสนามบินให้เป็นศูนย์กลางการบินตามเป้าหมาย
โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องพัฒนาเพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน คือ สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้โดยสาร โดยเฉพาะผู้โดยสารเปลี่ยนเครื่อง (Transit) ซึ่ง ทอท.จำเป็นต้องมีการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะหนึ่งในปัญหาเร่งด่วน คือการไม่มีห้องสูบบุหรี่ภายในอาคารผู้โดยสาร ซึ่งสร้างความไม่สะดวกอย่างมาก และอาจเป็นสาเหตุให้ผู้โดยสารหลีกเลี่ยงการใช้บริการในอนาคต ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ทอท.กำลังเร่งดำเนินการจัดสร้างห้องสูบบุหรี่ โดยจะเปิดให้บริการที่อาคาร Satellite (SAT-1) 6 จุด และอาคารผู้โดยสารหลัก 3 จุด ซึ่งจะทยอยเปิดนำร่องจุดแรกในต้นเดือน ส.ค.นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า การปรับขึ้นค่า PSC ท่าอากาศยาน 6 แห่งของ ทอท. ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.), ท่าอากาศยานดอนเมือง(ทดม.), ท่าอากาศยานภูเก็ต(ทภก.), ท่าอากาศยานเชียงใหม่(ทชม.), ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย(ทชร.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่(ทหญ.) มีการอนุมัติปรับขึ้นล่าสุด โดยเริ่มบังคับเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2567 เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ โดยปรับจาก 700 บาทต่อคน เป็น 730 บาทต่อคน
- ผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ปรับจาก 100 บาทต่อคน เป็น 130 บาทต่อคน
ดังนั้นหากมีการอนุมัติให้ปรับขึ้นในอัตรา 100 บาท จะส่งผลให้ค่าธรรมเนียม PSC ท่าอากาศยาน 6 แห่งของ ทอท. จะปรับเป็นอัตราดังนี้
- ผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ปรับจาก 130 บาทต่อคน เป็น 230 บาทต่อคน
- ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ โดยปรับจาก 730 บาทต่อคน เป็น 830 บาทต่อคน











