เด็กธรรมศาสตร์ ‘เผาบ้าน’ตัวเอง

ไม่ผิดจากที่คาดไว้ว่า การเคลื่อนไหวของนักศึกษาธรรมศาสตร์ไม่กี่คนจะสร้างผลกระทบใหญ่หลวงให้กับ ธรรมศาสตร์ ขณะนี้ผลกระทบกำลังปรากฏให้เห็นเป็นลำดับ

ผลกระทบแรก ๆ ที่เห็นก็คือ กองทุนทำบุญวันเกิดกับธรรมศาสตร์ ซึ่งเปิดให้ศิษย์เก่าบริจาคเงินในโอกาสครบรอบวันเกิดของตัวเอง แทนที่จะเอาเงินไปทำบุญที่วัดทั้งหมด ก็ให้แบ่งส่วนหนึ่งมาสบทบกองทุนฯ เพื่อเอาดอกผลไปช่วยนักศึกษายากจนให้มีโอกาสเรียนเหมือนกับนักศึกษาซึ่งมาจากครอบครัวที่มีความพร้อม

กองทุนฯ ได้รับความศรัทธาจากศิษย์เก่าและบุคคลภายนอกมากว่า 10 ปี ทำให้มีเงินไหลเข้ากองทุนฯ ราว 110 ล้านบาท

ศิษย์เก่าบางคนโอนที่เหลือใช้ในแต่ละวันผ่านทาง ATM บางคนเลือกบริจาคในวันเกษียณอายุ โดยเฉพาะท่านอดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เดินเข้าทางประตูท่าพระอาทิตย์มาเขียนเช็คบริจาค 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเงินที่สะสมมาตลอดชีวิต

แต่หลังจากนักศึกษาธรรมศาสตร์ไม่กี่คน เอาชื่อของมหาวิทยาลัยไปใช้ในการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะการจาบจ้วงเบื้องสูง อาจารย์ส่วนใหญ่ที่พ่ายแพ้จากการต่อสู้ในป่าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ก็แฝงคราบของครู สืบทอดความคิดของตัวเองไปฝากไว้กับเด็กนักศึกษา ประกอบกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยอ่อนแอ ขาดความสามารถ ไม่ทันเกม จึงทำให้สถานการณ์ของมหาวิทยาลัยอยู่ในสภาพถดถอย

เห็นได้จากบัณฑิตที่เข้าร่วมพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร มีเพียง 42 เปอร์เซ็นต์ ตอกย้ำภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลายเป็น แหล่งบ่มเพาะพวกป่วนเมือง จึงกระทบต่อความศรัทธาที่ผู้คนเคยมีต่อธรรมศาสตร์

วิธีแสดงออกง่าย ๆ ก็คือ โทรมาแจ้งของดบริจาคเงินเข้ากองทุนฯ มิหนำซ้ำบางคนโทรมาขอเงินคืนจากกองทุนฯ เพราะคิดว่า หากบริจาคเงินให้คนเหล่านี้เรียนหนังสือ แล้วยังมีความคิดที่ตื้นเขินอีก ก็ไม่สมควรบริจาค ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด เพราะเด็กธรรมศาสตร์ไม่ได้ป่วนเมืองทุกคน

ประเด็นที่น่าห่วงที่สุดก็คือ บัณฑิตที่จบจากธรรมศาสตร์จะถูกสังคมตีตราว่าเป็นพวกป่วนเมือง ไม่มีใครกล้ารับเข้าทำงาน เพราะกลัวจะเข้าไปป่วนในองค์กร

ภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยที่เปลี่ยนแปรไป จะส่งผลโดยตรงต่อกระบวนการคัดเด็กเข้ามหาวิทยาลัย เพราะเด็กที่สมองดี จะไม่เลือกสอบเข้า เพราะบริษัทห้างร้านใหญ่จะไม่กล้าเข้ารับทำงาน

จากที่เคยเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ ก็ถอยไปอยู่ลำดับท้าย ๆ เพราะไม่มีโอกาสคัดเด็กสมองดี ๆ เข้ามาเป็นบัณฑิต

ธรรมศาสตร์เป็นผลิตผลของคณะราษฎร์ อาจารย์ปรีดี พนมยงค์ ผู้ประศาสน์การที่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นเพื่อสนองเจตนารมณ์ข้อที่ 6 ของคณะราษฎร์ คือ จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร

หากราษฎรมีการศึกษาอย่างทั่วถึง มีความรอบรู้ใกล้เคียงกัน ก็จะไม่มีใครเอาเปรียบใคร บ้านเมืองไม่ขัดแย้งและจะทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็ง

อาจารย์ปรีดีไม่ได้ตั้งธรรมศาสตร์เพื่อให้ไปล้มล้างใคร อย่าได้บิดเบือนเจตนารมณ์.

…………………..

#ดินสอโดม