วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlightไทยร่วมขับเคลื่อนอาเซียนตามแนวคิด'แน่นแฟ้นและตอบสนอง'
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ไทยร่วมขับเคลื่อนอาเซียนตามแนวคิด’แน่นแฟ้นและตอบสนอง’

นายกรัฐมนตรี ร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้ง 37 ผ่านระบบคอนเฟอเร้นซ์ โดยประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ โดยไทยพร้อมร่วมขับเคลื่อนอาเซียนภายใน “แน่นแฟ้นและตอบสนอง”

เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยประธานาธิบดีเวียดนามได้กล่าวต้อนรับ และนายกรัฐมนตรีเวียดนามในฐานะประธานจัดการประชุมได้กล่าวเปิดการประชุมฯ ซึ่งได้ย้ำเจตนารมณ์ของเวียดนามที่จะขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ตามแนวคิดหลักการเป็นประธานอาเซียนปี 2563 “แน่นแฟ้นและตอบสนอง” (Cohesive and Responsive)

จากนั้นเป็นการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 (Plenary) โดยมีผู้นำและผู้แทนผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนจากทั้ง 10 ประเทศ และเลขาธิการอาเซียนเข้าร่วมประชุมด้วย

นายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนามกล่าวเปิดการประชุม โดยย้ำวัตถุประสงค์ของการประชุม เพื่อขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็ง เสริมสร้างความร่วมมือและติดตามความคืบหน้าของข้อริเริ่มต่าง ๆ ของอาเซียนในการรับมือกับผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตลอดจนเพื่อหารือร่วมกันเกี่ยวกับความร่วมมือกับภาคีภายนอกของอาเซียน และแลกเปลี่ยนทัศนะต่อสถานการณ์ อันจะเป็นโอกาสในการพัฒนาที่สำคัญในภูมิภาคและระหว่างประเทศ

สำหรับประเทศไทย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงข้อคิดเห็นและเสนอทิศทางขับเคลื่อนกลไกของอาเซียน โดยนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำถึงความเข้มแข็งและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ของอาเซียนจะทำให้อาเซียนผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ร่วมกัน การรับมือกับการแพร่ระบาดและผลกระทบจากโควิด-19 ยังเป็นภารกิจสำคัญและเร่งด่วนที่อาเซียนต้องร่วมมือกัน

ซึ่งนายกรัฐมนตรีเสนอ 4 ประเด็นสำคัญ คือ การร่วมเสริมสร้างความร่วมมือด้านสาธารณสุข สร้างความมั่นคงและการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีน เพื่อให้วัคซีนโควิด-19 เป็นสินค้าสาธารณะ ไทยได้ร่วมมือด้านการพัฒนาวัคซีนกับภาคส่วนต่าง ๆ และพร้อมแบ่งปันไปยังประเทศสมาชิกอาเซียน ให้ใช้ประโยชน์จากกองทุนอาเซียน เพื่อสนับสนุนการกระจายวัคซีนในภูมิภาคของเราในอนาคต ไทยยินดีสนับสนุนคลังสำรองอุปกรณ์ทางการแพทย์อาเซียนสำหรับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข และพร้อมสมทบเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ตลอดจนพร้อมที่จะเป็นที่ตั้งของศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่

ซึ่งนายกรัฐมนตรีเสนอ 4 ประเด็นสำคัญ คือ การร่วมเสริมสร้างความร่วมมือด้านสาธารณสุข สร้างความมั่นคงและการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีน เพื่อให้วัคซีนโควิด-19 เป็นสินค้าสาธารณะ ไทยได้ร่วมมือด้านการพัฒนาวัคซีนกับภาคส่วนต่าง ๆ และพร้อมแบ่งปันไปยังประเทศสมาชิกอาเซียน ให้ใช้ประโยชน์จากกองทุนอาเซียน เพื่อสนับสนุนการกระจายวัคซีนในภูมิภาคของเราในอนาคต ไทยยินดีสนับสนุนคลังสำรองอุปกรณ์ทางการแพทย์อาเซียนสำหรับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข และพร้อมสมทบเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ตลอดจนพร้อมที่จะเป็นที่ตั้งของศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่

ส่งเสริมแนวทางการฟื้นฟูและเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 แบบบูรณาการ ภูมิภาคของเราจะฟื้นตัวและปรับตัวกับความปกติใหม่ New Normal พร้อมร่วมรับรองกรอบการฟื้นฟูที่ครอบคลุมของอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง อาทิ SMEs เนื่องจากเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาค และสนับสนุนการจัดทำกรอบข้อตกลงระเบียงการเดินทางของอาเซียน

เสนอให้อาเซียนควรเตรียมความพร้อมในระยะยาวเพื่อยืนหยัดและต้านทานต่อความท้าทายใหม่ ๆ สร้างความเข้มแข็งจากฐานราก ผ่านการบูรณาการระดับภูมิภาค และส่งเสริมความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน เชื่อมโยงการทำธุรกรรมทางการค้าดิจิทัลในอาเซียนอย่างครบวงจร การสานต่อการส่งเสริมความยั่งยืนในทุกมิติ และผลักดันการใช้โมเดลเศรษฐกิจ การใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG เพื่อสนับสนุนประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

อาเซียนต้องร่วมมือรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค เพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการรับมือกับการแพร่ระบาดและการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 ที่ทุกฝ่ายต้อง “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” เพื่อป้องกันการเผชิญหน้าในภูมิภาคและเพิ่มพูนความร่วมมือที่เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย (win-win cooperation)

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมบทบาทนำของเวียดนาม ประธานอาเซียนในปีนี้ ที่ได้เสริมสร้างความร่วมมือของอาเซียนภายใต้แนวคิดหลัก “แน่นแฟ้นและตอบสนอง” ผ่านข้อริเริ่มต่าง ๆ ซึ่งไทยพร้อมร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อความแข็งแกร่งของประชาคมอาเซียน พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้สนับสนุนบรูไนฯ ในการเป็นประธานอาเซียนในปีหน้าอย่างเต็มที่ เพื่อร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันต่อความท้าทายต่าง ๆ และขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นต่อไป

อนึ่ง นายโอน ปวนมุนีรวต รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรีกัมพูชาในการเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้



- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img