“พท.” แนะปชช.จับตาดูคำพิพากษา “นายกฯลุงตู่” ปมบ้านพักทหาร ชี้เป็นบทพิสูจน์การทำหน้าที่องค์กรอิสระ ขณะที่ “คนพปชร.” ดาหน้าโต้ ปธ.วิปฯยันไร้สัญญาณ “นายกฯสำรอง” ด้าน “รมต.อิทธิพล” ย้ำครม.ทำงานปกติ “ธนกร” สวนกลับ “พิชัย” ระวังละเมิดอำนาจศาล ทำตัวเป็นหมอดูคู่หมอเดา
กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยและลงมติกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ใช้บ้านพักรับรองของกองทัพบก ทั้งที่เกษียณอายุราชการ ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ ซึ่งกลายเป็นประเด็นร้อนแรงทางการเมือง และกำหนดถึงอนาคตทางการเมืองในตำแหน่งของพล.อ.ประยุทธ์ฯนั้น ความคืบหน้าในเรื่องนี้ น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าววันนี้ (30 พ.ย.) ว่า เป็นอีกคดีที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เฝ้าจับตามองการทำหน้าที่ของ “องค์กรอิสระ” โดยเจตนารมณ์ขององค์กรอิสระที่ก่อตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญปี 2540 มีหน้าที่ตรวจสอบแทนประชาชนด้วยความเป็นกลางและเป็นธรรมอย่างเป็นอิสระ แต่ที่มาผ่านองค์กรอิสระที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้การแต่งตั้งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงการทำหน้าที่ขององค์กรเหล่านั้น เพราะบางเรื่องขัดกับความรู้สึกของประชาชาน
น.ส.อรุณี กล่าวว่า ขอเชิญชวนประชาชนเฝ้าติดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ จะเป็นอีกครั้งที่ทำให้ประชาชนได้เห็นบทบาทหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะองค์กรอิสระ แต่หากพล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจลาออกก่อนวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย จะเป็นทางออกที่ตรงกับข้อเรียกร้องของประชาชนที่ออกมาชุมนุม เพราะพล.อ.ประยุทธ์เป็นต้นตอของปัญหาทั้งปวง การบริหารประเทศล้มเหลว จนทำให้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนอยู่ในภาวะอดยาก คนไทยอีกหลายล้านคนกำลังกลายเป็นคนจน เพราะไม่มีรายได้ ตกงาน รัฐบาลทำได้แค่กู้เงิน แล้วเอามาแจก เพื่อให้ประชาชนปะทังชีวิตไปวันๆ
“ทางลงเดียวที่สง่างามที่สุดของพล.อ.ประยุทธ์ในเวลานี้ คือการลาออกก่อนวันที่ 2 ธ.ค. เพราะไม่สามารถบริหารประเทศต่อไปได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ที่มีความสามารถอยู่อย่างเดียว คือดึงเอาองคาพยพ ทั้งรัฐราชการ ทหาร ตำรวจมาปกป้องตัวเอง จนทำให้ประชาชนหมดศรัทธากับเจ้าหน้าที่ ระบบยุติธรรม ระบบข้าราชการเสียหาย กลายเป็นปัญหาฝังลงลึกจนแก้ไขได้ยากและหนักกว่าเดิม ทั้งหมดเพียงเพราะการกระหายอำนาจของคนๆเดียว”น.ส.อรุณี กล่าว
ปธ.วิปรัฐบาลมั่นใจไม่ต้องมีนายกฯสำรอง/”อิทธิพล” ย้ำไร้สัญญาณกังวล
อีกด้านหนึ่ง ที่รัฐสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ก็รู้สึกกังวล ยอมรับว่าอาจจะต้องคุยกันในพรรคร่วมรัฐบาล แต่ยังไม่ถึงขึ้นว่าจะต้องเตรียมรายชื่อนายกรัฐมนตรีสำรอง ขอให้รอดูคำวินิจฉัยก่อน อย่าเพิ่งคิดไปก่อน ว่าจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเพราะผลที่ออกมาอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทุกคนยังคงทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างปกติ ไม่มีใครกังวลอะไร และพล.อ.ประยุทธ์ยังสั่งการติดตามงานปกติ ไม่มีสัญญาณอะไร ว่าครม.จะต้องกังวลอะไรกับเรื่องนี้
เมื่อถามว่าประเด็นนี้รัฐมนตรีแต่ละคนได้หยิบยกมาพูดคุยกันบ้างหรือไม่ นายอิทธิพล กล่าวว่า ไม่ได้พูดคุยกัน เพราะแต่ละคนถือว่าเรื่องนี้มีระเบียบภายในของกระทรวงกลาโหมอยู่แล้ว เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การใช้บ้านพัก และประเด็นนี้กระทรวงกลาโหมได้ชี้แจงไปแล้ว ขณะเดียวกัน พรรคพปชร. ก็ไม่มีความเป็นห่วง เพียงแต่ห่วงเรื่องทำความเข้าใจกับประชาชน ว่ากรณีดังกล่าวไม่ใช่เงื่อนไขการเพิ่มระดับการชุมนม แต่เรื่องที่พรรคคุยกัน คือกรณีที่รัฐสภาจะพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประชามติ วันที่ 1 ธ.ค. นี้
“เด็กพปชร.” อัด “พิชัย” ระวังละเมิดอำนาจศาล
ทางด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพิชัย นริพทะพันธ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า วันที่ 2 ธ.ค. หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ตกเก้าอี้ จะยุติปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจว่า นายพิชัยทำตัวเป็น “หมอดู” คู่กับ “หมอเดา” ต้องระวังว่าจะละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ อย่าไปก้าวล่วงเลย ตนเชื่อมั่นในความดี ความซื่อสัตย์สุจริตของพล.อ.ประยุทธ์ และที่ผ่านมาพรรคของนายพิชัยมีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นมาโดยตลอด แต่ออกมากดดันทุกรูปแบบ หรือเป็นเพราะอยากจะเป็นรัฐบาล มากกว่าการสนใจความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตาม นายพิชัยเองที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้ประชาชนจำได้ ยินยันว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่ต้นตอของปัญหา แต่พล.อ.ประยุทธ์ต้องเข้ามาแก้ปัญหาที่พรรคเพื่อไทยก่อไว้ใช่หรือไม่
นายธนกร กล่าวต่อว่า นายพิชัยแกล้งโง่หรือแกล้งไม่รู้ว่า วันนี้ข้อเรียกร้องของคณะราษฏรไปไกลมากแล้ว แม้รัฐบาลลาออก ม็อบก็ไม่จบ นายพิชัยรับได้หรือที่ “คณะราษฏร” จาบจ้วง “สถาบันพระมหากษัตริย์” อย่างรุนแรงที่สุด ซึ่งตนและพี่น้องประชาชนทั่วประเทศรับไม่ได้ และจะออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยหัวใจที่จงรักภักดี ส่วนกรณีที่คณะราษฏรชุมนุมปิดถนนรายวันนั้น ขณะนี้กระแสของคนกรุงเทพฯ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะได้รับความเดือดร้อนในการสัญจรไปมา ที่สำคัญ…การชุมนุมไม่ได้มีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน มีแต่การใช้วาจาหยาบคายด่ารัฐบาลและจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นอยากจะเตือนคณะราษฏรว่า ระวังคนกรุงเทพฯ จะทนไม่ไหว อาจจะกลายเป็นความขัดแย้งเพิ่มขึ้นมาอีกกลุ่ม ทั้งนี้อยากจะเตือนน้องๆ นักศึกษาที่เข้าร่วมชุมนุมด้วยว่า เมื่อทุกอย่างจบ แต่คดียังไม่จบ อยากให้ทุกคนมีสติ ตนเตือนด้วยความรัก ความห่วงใย
