สาววัย 26 ปีสารภาพ ข้ามแดนมาจาก “ท่าขี้เหล็ก” พร้อมเพื่อนสาวประเภทสอง ก่อนนั่งเครื่องบินเข้ากทม. “สธ.” เช็คไทมไลน์ละเอียด พบมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ไม่ต่ำกว่า 5 ราย ขณะที่ในประเทศพบผู้ติดโควิด-19 อีก 1 ราย เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ติดเชื้อในสถานที่กักตัวรอสอบสวนโรค
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า วันนี้ประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วย 14 ราย โดย 2 รายติดเชื้อในประเทศอีก 2 รายเดินทางมาจากต่างประเทศ และอีก 10 ราย มาจากต่างประเทศและอยู่ใน state quarantine ทั้งหมด ทำให้ยอดป่วยสะสม 4,086 ราย รักษาหาย 3,853 ราย เหลือในรพ. 173 ราย เสียชีวิตคงที่ คือ 60 ราย เทียบอัตราการป่วยต่อแสนประชากรอยู่ที่ 6.1 ถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศตะวันตก ส่วนแนวโน้มการติดเชื้ออยู่ในวัยหนุ่มสาววัยทำงาน สำหรับเคสที่มีการติดเชื้อในประเทศรายแรกเป็นหญิงอายุ 26 ปีเดินทางมาจากอำเภอแม่สาย โดยสอดคล้องกับจังหวัดท่าขี้เหล็กจังหวัด ประเทศเมียนมา ส่วนอีก 1 ราย เป็นบุคลากรการแพทย์ ทำงานอยู่ใน ASQ ส่วนอีก 2 รายที่รายงานการติดเชื้อมาจากต่างประเทศนั้นรายแรกเป็นชายไทยอายุ 70 ปี อีกรายเป็นหญิงอายุ 26 ปีทำงานในสถานบันเทิงท่าขี้เหล็กกลับมาก็มีไข้ขณะนี้รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลแม่สอด จ.ตาก และโรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวเสริมว่า จากการสอบสวนโรคตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย. ถึงปัจจุบัน สรุปข้อมูลเวลา 08.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. มีผู้ป่วยที่มีความเกี่ยวข้องกับจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา รวม 23 ราย สำหรับกรณีที่มีรายงานว่ามีการติดเชื้อในประเทศ 2 รายนั้น จากการสอบสวนข้อมูลเชิงลึกล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 6 ธ.ค. หญิงวัย 26 ปี เพิ่งยอมรับว่ามีการเดินทางไปจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ดังนั้นสรุปว่าวันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพียง 1 ราย คือ หญิงอายุ 26 ปี เป็นบุคลากรการแพทย์ที่ทำงานใน ASQ และรักษาตัวในกทม.ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค
สำหรับไทม์ไลน์ของหญิงอายุ 26 ปี ที่เพิ่งยอมรับว่ามีการเดินทางไปยังท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมานั้น พบว่าเป็นเพื่อนกับชาย (สาวประเภทสอง) อายุ 30 ปี ที่เป็นผู้ป่วยรายงานติดเชื้อภายในประเทศเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา และเพิ่งยอมรับว่าไปท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา มาเช่นกัน ทั้งคู่มีไทม์ไลน์ร่วมกันโดยให้ประวัติว่าในวันที่ 6 พ.ย.มีหลักฐานว่าโดยสารเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง วันที่ 6-27 พ.ย. ไปสถานบันเทิงท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา กลับเข้ามาในประเทศไทยวันที่ 27 พ.ย. โดยพักร่วมกันที่โรงแรมในอำเภอแม่สาย วันที่ 28 พ.ย.ให้ประวัติไปซื้อของในตลาด (10.00-17.00 น.) ซื้อของประเภทหินทำสร้อย และบ๊วย ส่วนช่วงเย็นเดินถนนคนเดินใน อ.แม่สาย
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. ผู้ป่วยทั้ง 2 ราย เริ่มมีไทม์ไลน์แยกกัน โดยในส่วนของชายอายุ 30 ปี ให้ข้อมูลว่า วันที่ 29 พ.ย. ช่วงเช้าเดินไปวัดพระธาตุดอยเวา ไปกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งในตลาดแม่สาย วันที่ 30 พ.ย. ก่อนเดินทางกลับเริ่มป่วยมีไข้ต่ำๆ พักในโรงแรมถึงช่วงบ่าย จากนั้นเรียกแท็กซี่มาส่งถึงสนามบินเชียงรายโดยใส่หน้ากากตลอด ตอนค่ำเดินทางกลับกทม.สายการบิน Thai Lion Air เที่ยวบิน SL545 เวลา 19.15-20.00 น. ถึงสนามบินดอนเมือง จากนั้นนั่งแท็กซี่จากสนามบินดอนเมืองกลับบ้าน วันที่ 1-3 ธ.ค. อยู่ที่บ้านตลอด และจากนั้นวันที่ 4 ธ.ค. มารับการตรวจที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน กทม. โดยรถส่วนตัวและตรวจพบเชื้อโควิด 19
ส่วนหญิงอายุ 26 ปี ให้ข้อมูลว่า วันที่ 29 พ.ย. ตอนเช้าไปพระธาตุดอยเวา ตอนค่ำเดินทางกลับถึงกทม.โดยสายการบินไทยสมายล์ เที่ยวบิน WE 137 ใช้บริการแท็กซี่จากสนามบินไปโรงแรมที่กทม. มีการไปร้านสะดวกซื้อใกล้กับโรงแรม จากนั้นวันที่ 30 พ.ย.ถึง 3 ธ.ค.พักในโรงแรมตลอด แต่ก็มีการเดินทางไปที่ร้านสะดวกซื้อด้วย จากนั้นวันที่ 4 ธ.ค.มาเป็นเพื่อนกับผู้ป่วยอายุ 30 ปี ซึ่งขณะนั้นหญิงวัย 26 ปี เริ่มมีอาการป่วย มีน้ำมูก และต่อมาวันที่ 5 ธ.ค. มาตรวจที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อนโดยแท็กซี่ตรวจพบเชื้อโควิค 19
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากการสอบถามทั้ง 2 รายมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงไม่น้อยกว่า 5 ราย เป็นเพื่อน 2 ราย ในจังหวัดเชียงราย เจอตัวแล้ว 1 คนตรวจแล้วไม่พบเชื้อ อีก 1 รายอยู่ระหว่างติดตามตัว นอกจากนี้ นอกจากนี้ยังมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 1 ราย เป็นคนในครอบครัวที่จ.ปทุมธานี อยู่ระหว่างการติดตาม ส่วนคือแท็กซี่จากอ.30 พ.ย. และสายการบินไทยสมายล์ เที่ยวบิน WE 137 วันที่ 29 พ.ย. ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำมากกว่า 10 ราย เป็นผู้สัมผัสในชุนชน คือ ตลาดแม่สาย ถนนคนเดิน โรงแรมที่แม่สาย สนามบินแม่ฟ้าหลวง และกทม.อีก 10 ราย คือ แท็กซี่จากสนามบินดอนเมืองกลับบ้าน 1 ราย ติดตามได้แล้ว โรงแรมในกทม. ร้านสะดวกซื้อใกล้โรงแรม แท็กซี่ส่งผู้ป่วยรายที่ 2 มารพ. และ HCW 8 ราย ทั้งนี้กรณีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทั้งอยู่ที่เชียงรายและกรุงเทพฯ ผู้ที่เจอในพื้นที่สาธารณะแต่ไมได้อยู่ใกล้ชิดกัน นั้นผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ให้ข้อมูลว่าสวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลาดังนั้นจะมีความเสี่ยงไม่มากนัก