ใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เทศกาลแห่งการเดินทางที่ผู้คนส่วนใหญ่ถือเป็นโอกาสพิเศษในการเดินทางกลับบ้าน เพื่อไปหาครอบครัว และท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ โดยการเดินทางส่วนใหญ่มักจะเป็นการเดินทางในรูปแบบขับขี่รถยนต์ส่วนตัวเพื่อความปลอดภัยของโรคระบาดและความสะดวกในการเดินทาง
และเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางไกล เพื่อไม่ต้องมากังวลกับปัญหารถเสียระหว่างทาง ซมโปะ ประกันภัย ผู้ให้บริการด้านประกันวินาศภัยจึงขอชวนทุกคนรวมตรวจเช็คสภาพรถให้พร้อมก่อนออกเดินทาง โดยจุดสำคัญของรถยนต์ที่ต้องตรวจเช็คเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนการเดินทางไกล มีด้วยกัน 8 อย่าง ได้แก่
- เช็คยางรถยนต์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประหยัดเชื้อเพลิง เติมลมยางตามคำแนะนำของรถแต่ละรุ่นและจำนวนผู้โดยสาร ดูความลึกดอกยางให้ไม่น้อยกว่า 1.6 มม. และเติมลมยางอะไหล่ให้เรียบร้อยก่อนล้อหมุน
- เช็คผ้าเบรค โดยทั่วไปต้องเปลี่ยนทุก ๆ 25,000-50,000 กม. (ตามพฤติกรรมการใช้รถ) ความชื้นสูงส่งผลต่อคุณภาพน้ำมันเบรค จึงควรตรวจน้ำมันเบรคหลังหมดฝน
- เช็คน้ำมันเครื่อง เนื่องจากเป็นตัวหล่อลื่นเครื่องยนต์ให้ลดแรงเสียดทาน ซึ่งสามารถทำเองได้ง่ายๆ เพียงเปิดฝากระโปรงรถ มองหาจุดตรวจสอบน้ำมันเครื่องที่มีก้านพลาสติก หลังจากนั้นดึงออกมาแล้วดูว่าจุดของน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับ Low หรือไม่ หากอยู่ในระดับ Low ควรเติมเลย ไม่ต้องรอให้ครบรอบเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
- เช็คที่ปัดน้ำฝน ด้วยการสัมผัส สังเกต ฟังเสียง ดูระยะห่างของที่ปัดน้ำฝนและกระจก โดยทั่วไปยางที่ปัดน้ำฝนใช้งานได้ 6-12 เดือน
- เช็คไฟรถยนต์ ทั้งไฟหน้ารถ ไฟเบรค ไฟส่องป้ายทะเบียน และไฟสัญญาณทุกดวงว่าใช้งานได้ปกติ โคมไฟที่มีไอน้ำเกาะหรือหมองเหลือง จัดการได้ด้วยกาวซิลิโคนใส หรือใช้ยาสีฟันขัดไฟหน้ารถที่หมองให้เหมือนใหม่ ฯลฯ
- เช็คแบตเตอรีรถยนต์ แบบแห้งผ่านตาแมว หรือเช็คแบบ Virtual
- เช็คเอกสารจำเป็น ได้แก่ ใบอนุญาตขับขี่ สำเนาทะเบียนรถ และป้ายภาษีรถยนต์
- ประกันภัยรถยนต์ หลังจากตรวจเช็คสภาพรถยนต์แล้ว ก็ไม่ควรละเลยเรื่องประกันภัย ควรทำการการตรวจเช็คประกันรถยนต์ว่าใกล้หมดอายุหรือหมดอายุแล้วหรือยัง ก่อนออกเดินทาง เพื่อเพิ่มความอุ่นใจหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมต้องเช็คและทำประกันรถยนต์ด้วยนะ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรถและการเดินทางเลยนี่นา แต่รู้หรือไม่ว่าความสำคัญของการมีประกันรถยนต์ คือ เรื่องความคุ้มครองหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจตามมาไม่มากก็น้อยได้เป็นอย่างดี ซึ่งต่างจากการไม่มีประกันภัยให้ความคุ้มครอง เพราะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เอง เสียทั้งเงิน ซ่อมแซมและเวลาสำหรับเจรจากับคู่กรณี
ดังนั้น นอกจากจะต้องตรวจเช็คสภาพรถให้พร้อมอยู่เป็นประจำแล้ว การมีประกันภัยรถยนต์ ก็จะช่วยสร้างความอุ่นใจจากความคุ้มครองในการขับขี่และดูแลความเสียหายต่อทรัพย์สินได้ในทุกการเดินทางได้อีกด้วย
…………………………..
ข้อมูลจาก “ซมโปะ ประกันภัย”