เมื่อพูดถึงหน้าฝน หลายคนก็มักจะนึกถึงความชุ่มฉ่ำและเป็นอีกหนึ่งฤดูที่หลายคนชื่นชอบ แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้ขับขี่รถยนต์จะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางเป็นพิเศษ เนื่องจากทัศนวิสัยการมองที่ไม่ดี ถนนลื่น รวมถึงอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันในบางพื้นที่ ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างไม่คาดคิด เกิดความเสียหายทั้งทรัพย์สินและชีวิต
จากรายงานสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดย “ศูนย์อุบัติเหตุ” พบว่า ในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2564 มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ 236,750 ราย และเสียชีวิต 3,768 ราย ซึ่งถือเป็นจำนวนที่สูงมาก และสะท้อนถึงความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากฝน ผู้ใช้รถจึงควรเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่เพิ่มมากขึ้น
โดยสิ่งที่ควรระวัง เมื่อต้องขับรถในช่วงหน้าฝนกับ 4 ข้อที่ควรต้องรู้ไว้ และเตรียมป้องกันไว้คือ
- การไม่ขับรถเร็ว ด้วยการขับช้า ๆ และไม่ควรขับจี้ท้ายรถยนต์คันหน้า เนื่องจากในช่วงฝนตกที่มีทัศนวิสัยไม่ดี อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายในเสี้ยววินาทีเท่านั้น โดยเฉพาะในช่วง 10 นาทีแรกที่ฝนตก รถจะมีโอกาสลื่นไถลมากที่สุด เนื่องจากน้ำฝนจะชะล้างคราบฝุ่น ดิน และน้ำมันที่ติดบนถนน
- เลี่ยงแอ่งน้ำ จะทำให้เกิดการเหินน้ำ และรถเสียหลักได้ง่าย โดยอาการเหินน้ำ คือ การลอยเหินบนน้ำ จะเกิดเมื่อมีน้ำขังบนถนนเนื่องจากฝนตก และเป็นรถที่มีความเร็วเกิน 80 กม.ต่อชม. เมื่อวิ่งผ่านน้ำจะทำให้น้ำแข็งเหมือนหิน ทำให้เกิดการเหินน้ำขึ้นจนรถเสียหลักได้
- เปิดไฟหน้ารถ เพื่อทำให้การขับขี่มีความปลอดภัย ได้เห็นทางที่ชัดเจนขึ้น และควรเปิดไฟเลี้ยวก่อนจะเลี้ยวไม่น้อยกว่า 30 เมตร เมื่อต้องการเลี้ยวเสมอ
- ตรวจสอบสภาพรถ ด้วยการเช็คสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการตรวจสอบยางรถยนต์ โดยเฉพาะยางรถยนต์มีอายุมากกว่า 3 ปี ควรเช็คสภาพและตรวจสอบว่า ดอกยางมีเพียงพอหรือไม่ หากน้อยกว่า 2 มิลลิเมตรควรเปลี่ยนทันที รวมถึงควรเช็คไฟส่องสว่างว่าทำงานได้ปกติหรือไม่ และระบบเบรกหากเบรกแล้วมีอาการปัดหรือเบรกแป้นเบรกไม่ลง ควรนำรถเข้าเช็คสภาพ
ทั้งนี้ แม้จะระมัดระวังเพียงใด อุบัติเหตุก็อาจเกิดขึ้นได้ในเสี้ยววินาที การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับเหตุไม่คาดฝันขึ้น ด้วยการทำประกันรถยนต์ไว้ก่อนสายไป จึเป็นอีกทางเลือกที่สำคัญ
………………….
ข้อมูลจาก ซมโปะ ประกันภัย