เสวนา “เพื่อไทย”ประกาศสงครามยาเสพติด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า จวกรัฐบาลประยุทธ์ล้มเหลว ฟุ้งหากได้เป็นรัฐบาลพร้อมลุยแก้ปัญหาทันที
เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดงานเสวนา “เพื่อไทยประกาศสงครามยาเสพติด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า” โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. และประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน นางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม และน.ส.จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางรัก กทม.
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า โศกนาฏกรรมที่ จ.หนองบัวลำภู เป็นจุดกระตุ้นใหญ่ที่พรรค พท. จำเป็นต้องประกาศต่อสาธารณชนว่า เราจะทำสงครามกับยาเสพติด โดยจะนำเอาแนวคิดที่เคยดำเนินการในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ยืนยันว่าจะไม่มีนโยบายฆ่าตัดตอน จึงอย่าหลงเข้าใจผิดกับวาทกรรมนี้ หากพรรค พท. เป็นรัฐบาลจะทำสงครามกับยาเสพติด 5 ส่วน ได้แก่ 1.ปราบปราม 2.บำบัดฟื้นฟู 3.มาตรการป้องกัน 4.มาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศ และ 5.ทุกภาคส่วนร่วมกันป้องกัน
“พรรค พท. และพรรคร่วมฝ่ายค้านจะนำกรณีโศกนาฏกรรม จ.หนองบัวลำภู และกรณีการแพร่ระบาดของยาเสพติด เข้าสู่ญัตติด่วนต่อสภา ในวันที่ 3 พ.ย. 65 ซึ่งจะมีการเปิดโปงข้อมูลว่าใครเกี่ยวข้องกับกระบวนยาเสพติดบ้าง” นพ.ชลน่าน กล่าว
ทางด้านนายจิรายุ กล่าวว่าแม้รัฐบาลโดยการนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประกาศอย่างชัดเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาว่า จะเข้ามาวางรากฐานสังคม เศรษฐกิจและการเมือง แต่ผ่านมา 4 ปี สถานการณ์หนักกว่าเดิม รวมถึงการแพร่ระบาดของยาเสพติด แต่ที่ร้ายแรงกว่ายาเสพติดประเภทอื่นคือ การเสพติดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ เอง หากพรรค พท. เป็นรัฐบาล เราจะเร่งสปีดในสิ่งที่บ้านเมืองติดลบแล้วใส่เกียร์เร่งทันที
ขณะที่นางมนพร กล่าวว่า ในทางกฎหมายยุค คสช. รวบกฎหมายยาเสพติด 24 ฉบับ รวมเหลือแค่ 2 ฉบับ กลายเป็นช่องว่างให้ผู้ค้ายาเสพติดที่มียาเสพติดในปริมาณน้อยกลายเป็นผู้เสพยาเสพติดและให้ส่งตัวไปบำบัด เจ้าหน้าที่บ้านเมืองถือโอกาสนี้แบล็กเมล์เอาเงินทองจากผู้ค้าเพื่อให้หลุดรอดจากคดีความ ส่วนการครอบครองอาวุธปืนนั้นฝ่ายปกครองเปิดช่องครอบครองพกพาอาวุธปืนได้ กลายเป็น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครูผู้ช่วย ครูพี่เลี้ยง อสม. พกปืนได้ทั้งหมด และยังพกกระสุนคนละ 30-41 นัด เสมือนกับมีคลังแสงพกติดตัวพร้อมใช้ได้อีกเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด
ส่วน น.ส.จุฑาพร กล่าวว่าจากการลงพื้นที่บางรัก สาทร ปทุมวัน พี่น้องประชาชนร้องเรียนมาว่าลูกหลานติดยาเสพติด ไม่เว้นแม้กระทั่งกลางเมือง แต่คำถามคือกำลังเจ้าหน้าที่ในการตรวจตรามีเพียงพอหรือไม่ และตรวจสอบปราบปรามการเข้าเมืองทางพรมแดนนั้นดีพอหรือยัง พร้อมทั้งเสนอให้เร่งปราบปรามยาเสพติดและให้ความรู้ถึงพิษภัยของยาเสพติด
“ปัจจุบันยาเสพติดระบาดหนักทั่วประเทศ ขณะที่ราคาสินค้า อาหาร พลังงาน ค่าไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ราคายาเสพติดกลับถูกลงเรื่อยๆ แถมหาง่าย สามารถซื้อผ่านทางช่องทางออนไลน์ได้ โดยส่วนตัวขอเสนอแนะให้รัฐบาลใช้เทคโนโลยี เช่น โดรน และดาวเทียม ควบคู่กับการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนบริเวณชายแดน เร่งสร้างระบบฐานข้อมูล (Big Data) โดยการบูรณาการข้อมูลร่วมกันของทุกภาคส่วน ปราบปรามคอร์รัปชั่น เปลี่ยนระบบการโยกย้ายตำรวจที่ไม่เป็นธรรม เอื้อเด็กนาย คนมีเส้นสาย หรือพวกที่ใช้เงินซื้อตำแหน่ง อีกทั้งเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ และศูนย์บำบัดรักษาผู้ป่วยในทุกจังหวัด พร้อมระบบติดตามประมวลผลเพื่อมีตัวชี้วัดความสำเร็จ และเพิ่มการสอนให้ความรู้ความเข้าใจโทษของยาเสพติดทั้งในโรงเรียน และสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อให้เด็กและเยาวชนรู้เท่าทัน ห่างไกลยาเสพติด เมื่อสามารถลดดีมานด์ได้ การระบาดของยาเสพติดจะลดลงตาม” น.ส.จุฑาพร กล่าว
