“ไตรรงค์”เล่าการรักษาความปลอดภัยระดับการประชุมนานาชาติ เจ้าหน้าที่ใช้กระสุนจริง ใ ถ้าใครบังอาจแหกด่านคนที่ถูกยิงก็จะตายฟรีอย่างแน่นอนในฐานะคนที่ทำผิดเพราะทำลายเกียรติภูมิของชาติ
เมื่อวันที่ 27 ต.ค.65 ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก “ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” ระบุข้อความว่า ….
การรักษาความปลอดภัยระดับการประชุมนานาชาติ
เมื่อ พ.ศ. 2553 ผมได้รับเชิญจากท่านประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา (Barack Obama) ให้เข้าประชุมร่วมกับผู้นำของประเทศต่างๆ รวมทั้งหมด 47 ประเทศ (ที่ต้องเชิญผมไปก็เพราะท่านนายกอภิสิทธิ์ติดภาระกิจที่ต้องแก้ปัญหาพวกเสื้อแดงที่ยึดสี่แยกราชประสงค์และสวนลุมพินีเอาไว้) วัตถุประสงค์ของการประชุมนานาชาติในครั้งนี้ก็เพื่อหามาตรการควบคุมการขยายการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศต่างๆในโลก หรือเรียกกันเป็นภาษาอังกฤษว่า Nuclear Security Summit (12-13 เมษายน 2553)
สถานที่ที่เขาเตรียมไว้ใช้ในการประชุมจะเป็นห้องประชุมในอาคารใหญ่คล้ายๆ ศูนย์สิริกิตติ์แต่ใหญ่กว่าและมีพื้นที่ห่างระหว่างรั้วกับตัวอาคารก็มีมากกว่าด้วย นอกจากจะมีรั้วสูงแข็งแรงรอบด้านแล้วก็ยังมีกำแพงก้อนลวดหนาม (หีบเพลงลวดหนาม) อีกชั้นหนึ่งเพื่อกันคนกระโดดข้ามกำแพงเข้ามา ถัดจากกำแพงลวดหนามก็จะเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (ไม่ทราบว่าเป็นตำรวจหรือทหาร) ซึ่งมีอาวุธครบมืออีกชั้นหนึ่ง และจะมีมากพร้อมเครื่องมือยานพาหนะเพื่อสลายการชุมนุมอย่างครบครันในบริเวณทางเข้า-ออกของบริเวณที่มีอาคารอยู่ภายในเพื่อใช้ในการประชุมในครั้งนั้น
เขาจัดให้ผมและภรรยาได้พักที่ห้อง 4 ตอน คือมีทั้งห้องนอน ห้องสมุด ห้องทานอาหาร และห้องรับแขกที่โรงแรมใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน เขาจะจัดให้มีฝ่ายรักษาความปลอดภัยอารักขาอยู่หน้าห้องที่เราอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง แม้ภรรยาจะขออนุญาตออกจากห้องเพื่อไปซื้อของบางอย่าง ก็ต้องไปกับพวกรักษาความปลอดภัยอารักขาอย่างเข้มงวดทั้งขาไปและขากลับ
ตอนเช้าจะมีรถกันกระสุนมารับผมมีฝ่ายรักษาความปลอดภัยอาวุธครบมือนั่งขนาบซ้ายขวา และมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างประเทศเป็นผู้หญิงนั่งข้างหน้าคู่กับคนขับจะมีรถนำและรถตามให้ความคุ้มครองตลอดทาง เมื่อขบวนไปถึงจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยกันฝูงชนให้เปิดทางให้ขบวนวิ่งเข้าประตูที่คอยเปิดรับและปิดทันทีเมื่อขบวนผ่านประตูแล้ว ผมถามเจ้าหน้าที่ที่อารักขาผมว่าถ้าพวกที่ชุมนุมอยู่นอกกำแพงเกิดพังประตูแล้วกรูเข้ามาทำลายการประชุม (เหมือนที่เคยเกิดขึ้นที่พัทยาในการประชุม ASEAN SUMMIT ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ) พวกเขาจะป้องกันหรือแก้ไขอย่างไร ผมได้รับคำตอบว่ากฎหมายของสหรัฐฯ อนุญาตให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามารถยิงทุกคนด้วยกระสุนจริง (Shoot at sight) ถ้าใครบังอาจแหกด่านเข้ามา คนยิงจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายว่าไม่มีความผิด คนที่ถูกยิงก็จะตายฟรีอย่างแน่นอนในฐานะคนที่ทำผิดเพราะทำลายเกียรติภูมิของชาติ
ก็ไม่มีอะไรหรอกครับแค่เล่าให้ฟังเฉยๆ จะได้เห็นว่าแม้ประเทศที่ประกาศตั้งตัวเองเป็นผู้พิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยของโลกและประกาศเชิดชูเสรีภาพในการแสดงความเห็นว่าเป็นสิทธิมนุษยชนที่ต้องปกป้อง แต่เขาก็มีกรอบให้ใช้เสรีภาพเท่าๆ ที่เหมาะที่ควรเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาทั้งเกียรติยศและเกียรติศักดิ์ของรัฐบาลที่เป็นเจ้าภาพและเป็นการรักษาเกียรติภูมิของประเทศของตนเอาไว้ด้วย ก็เพื่อให้ประเทศได้รับความเชื่อถือและนับถือจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกสืบไป
ผมขอเรียนว่าความเห็นที่ลงในเฟซบุ๊กเป็น #ความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรคปชป.แต่อย่างใด