“ศักดิ์สยาม”เตรียมชงครม.ผุดทางด่วน “ฉลองรัช””” (จตุโชติ-ลำลูกกา) 1.7 หมื่นล้าน พร้อมโยกเงินTFF ที่เหลือ 1.47 หมื่นล้านจาก N2 มาลงทุนก่อน ด้านสคร.ไฟเขียวหวังลดต้นทุนการเงิน ผู้ว่าฯกทพ. ลุยลงทุนโครงข่ายทางด่วนกว่า 1 แสนล้านบาท ตั้งเป้าเพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์ปีละ 2 เท่าจากพื้นที่เขตทางกว่า1.7 ล้านตารางวา
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีงานวันคล้ายวันก่อตั้งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)ครบรอบ 50 ปี ว่า ปัจจุบันมีโครงข่ายทางพิเศษที่เปิดให้บริการรวม 225 กม. โดยมีรถใช้บริการจำนวนกว่า 1.8 ล้านคันต่อวัน ซึ่งนโยบายของรัฐบาล มุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โครงข่ายและบริการด้านคมนาคมขนส่งให้ครอบคลุมทุกมิติการเดินทาง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยได้มอบหมายให้ กทพ. แก้ไขปัญหาการจราจรในภาพรวม ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน
โดยขณะนี้มีโครงการที่เตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติ คือ โครงการทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยาย (จตุโชติ-ลำลูกกา) ระยะทางประมาณ 17 กม. วงเงินลงทุนประมาณ17,000 ล้านบาท ซึ่งล่าสุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เห็นชอบแล้ว และ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณให้กทพ.ใช้เงินจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFF) มาใช้ก่อสร้างโครงการ
โดยจะเป็นวงเงิน TFF ในส่วนที่เดิมกำหนดจะใช้ก่อสร้างโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือตอน N2 แต่เนื่องจากโครงการล่าช้า จึงนำมาใช้กับโครงการทางด่วนฉลองรัชส่วนต่อขยาย (จตุโชติ-ลำลูกกา) ก่อน ซึ่งปัจจุบันกองทุน TFF มีวงเงินเหลือ 14,700 ล้านบาท ส่วนที่ยังขาดประมาณ 3,000 ล้านบาทจะพิจารณาแหล่งเงินที่เหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ นโยบายต้องการให้บริหารจัดการกองทุน TFF ให้เกิดประโยชน์ซึ่งโครงการทางด่วนจตุโชติ-ลำลูกกา น่าจะเริ่มได้เร็วกว่า จึงโยกTFF จาก ทางด่วน N 2 มาใช้ก่อน ขณะที่ ทางด่วน N2 จะใช้เงินกู้ดำเนินการต่อไป ซึ่งทางสศช. มีความเห็นให้กทพ.พิจารณาใช้แหล่งเงินที่มีอัตราดอกเบี้ย ต้นทุนทางการเงินที่ต่ำที่สุด โดยทั่วไปเงินกู้ในประเทศดอกเบี้ยประมาณ 3% ซึ่งต้องยอมรับต่ำกว่า TFF ที่มีต้นทุนทางการเงินสูงกว่า
ส่วนโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ระยะทางรวม 3.98 กม.วงเงินลงทุน 14,670.57 ล้านบาท กทพ.เตรียมขายซองประมูลคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมทุนฯ ในต้นเดือน ธ.ค. 2565 นี้ ให้เอกชนยื่นข้อเสนอ ช่วงเดือนก.พ.- มี.ค. 2566
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ที่ผ่านมา กทพ. ได้มีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาให้บริการประชาชน ไม่ว่าจะเป็นระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติด้วยบัตร Easy Pass การพัฒนาศูนย์ควบคุมระบบจราจรอัจฉริยะ (ITS Center) การพัฒนาระบบ e-Service การจัดตั้งศูนย์บริหารการจราจรทางพิเศษ (Expressway Traffic Management Center) และในอนาคตอันใกล้นี้จะเปิดให้บริการระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น หรือ M-Flow ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม โดยบูรณาการร่วมกับกรมทางหลวงให้เป็นไปในรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน จำนวน 3 ด่านแรกก่อน คือ ด่านจตุโชติ ด่านสุขาภิบาล 5-1 และด่านสุขาภิบาล 5-2
รวมถึงเร่งรัดการขยายโครงข่ายทางพิเศษสายใหม่ คือ ทางด่วนสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ,ทางด่วน สายฉลองรัช – นครนายก – สระบุรี ทางด่วนสายกะทู้ – ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งถือเป็นโครงการทางพิเศษสายแรกในภูมิภาค นับเป็นการเปิดมิติใหม่ในการแก้ไขปัญหาจราจรที่ไม่ยึดติดเฉพาะในเมืองหลวงและปริมณฑล