‘ประวิตร’ประชุมติดตามปราบค้ามนุษย์-กวาดล้างฉ้อโกงออนไลน์ สั่ง สตช.เร่งรัดคดีให้ถึงต้นตอ ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อการข่มขู่หรือเชิญชวนลงทุนต่างๆ และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวกับผู้อื่นโดยง่าย
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 9 ธ.ค. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ครั้งที่ 3/2565 และคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปกค.) ครั้งที่ 5/2565 ต่อเนื่องกัน โดยมีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.และผู้แทนหน่วยเกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่ประชุมรับทราบผลการประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจสอบและต่อต้านการค้ามนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนกลไกการส่งต่อระดับชาติ National Referral Mechanism และความคืบหน้าการจัดทำความต้องการขอรับสนับสนุนงบประมาณเพื่อรองรับการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติ ทั้งนี้ ที่ประชุม ปคม. ได้เห็นชอบร่างรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ประจำปี 2565 ซึ่งจะนำเสนอผลการดำเนินงาน ที่สำคัญของประเทศไทย
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า รวมทั้งรับทราบ FBI ได้สนับสนุนการฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที่ของไทย หัวข้อ การสืบสวนสอบสวนกรณีการค้ามนุษย์ ห้วง 10-21ต.ค.65 ในประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของเจ้าหน้าที่ไทย จำนวน 32 คน จากนั้นที่ประชุม ได้พิจารณาเห็นชอบ (ร่าง) รายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของไทยประจำปี2565 และกรอบเวลาการจัดทำรายงาน ซึ่งมีผลการดำเนินงานคืบหน้าที่สำคัญ ทั้งด้านการดำเนินคดีและการบังคับใช้กฎหมาย ด้านช่วยเหลือคุ้มครอง และด้านการป้องกัน รวมทั้งได้เห็นชอบแต่งตั้ง พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชารยะให้เป็นประธานอนุกรรมการร่วม ว่าด้วยการขับเคลื่อนศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ระหว่างไทย-ออสเตรเลีย (ฝ่ายไทย) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมาย ตามข้อตกลงร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย
ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.อ.ประวิตร เป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงประชาชนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่ประชุมได้ติดตามความก้าวหน้ามาตรการเร่งด่วนแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงทางออนไลน์โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญได้แก่ 1.การเสนอร่าง พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ พ.ศ. …. ซึ่งในขณะนี้ ดีอีเอสได้นำเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)เพื่อพิจารณาแล้ว ทำให้ธนาคารสามารถแก้ไขปัญหากรณีพบพฤติกรรมที่ต้องสงสัยและสามารถระงับพฤติกรรมดังกล่าวได้ ตัดวงจรอาชญากรรมก่อนกระทบในวงกว้าง 2.การแจ้งเตือนภัยออนไลน์ผ่านแอพลิเคชั่นเป๋าตัง 3.การแก้ไขปัญหาการยืนยันตัวตนใน Mobile Application 4.การดำเนินการกับผู้ครอบครองซิมโทรศัพท์จำนวนมากและที่ไม่ลงทะเบียนยืนยันตัวตนตามระบบ
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในปี 2565 นี้ ปรากฏสถิติการดำเนินคดีทางอาชญากรรมออนไลน์ที่สำคัญ ได้แก่ การปิดกั้นข้อความ SMS/โทรหลอกลวง จำนวน 94,043 หมายเลข และดำเนินคดีแก๊งค์ Callcenter 46 คดี มีการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 60 ราย การอายัดบัญชีม้าจำนวน 47,245 บัญชี และปิดกลุ่มโซเชี่ยลมีเดียซื้อขายบัญชีม้า จำนวน 8 กลุ่ม การดำเนินคดีเกี่ยวกับการหลอกลวงลงทุน- ระดมทุน ออนไลน์และหลอกลวงทางการเงินจำนวน 562 คดี การปราบพนันออนไลน์ โดยดำเนินคดี 287 คดี และปิดกั้นเว็บไซต์พนันจำนวน 1,691 เว็บไซต์ การหลอกลวงซื้อขายสินค้าบริการออนไลน์ ดำเนินคดีจำนวน 246 คดี
ด้านพล.ต.อ. ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำในที่ประชุมให้ทุกหน่วยยกระดับความเข้มข้นในการดำเนินตามมาตรการของรัฐบาล เพื่อป่องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และปกป้องประชาชนจากมิจฉาชีพ รวมถึงให้เร่งปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อการข่มขู่หรือเชิญชวนลงทุนต่างๆ และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวกับผู้อื่นโดยง่าย.