“ศักดิ์สยาม” ดันโครงการเมกกะโปรเจกต์ 7 แสนล้านบาทเข้าครม.ทิ้งทวน ทั้งรถไฟไทย-จีนระยะที่ 2 -ลงทุนส่วนต่อขยายสีแดง-รถไฟทางคู่
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงฯจะเร่งผลักดันโครงการค้างท่อต่อที่ประชุมครม.ในเร็ว ๆ นี้ เช่น โครงการส่วนต่อขยายรถไฟชานเมืองสายสีแดง การโอนสิทธิบริหาร 3 สนามบินให้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (สนามบินอุดรธานี บุรีรัมย์ และกระบี่) และโครงการรถไฟทางคู่ ระยะ 2 ที่อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“ ตามไทม์ไลน์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วางปฏิทินการเลือกตั้งไว้ในเดือน พ.ค. 66 แม้เป็นรัฐบาลรักษาการก็เสนอโครงการให้ ครม.พิจารณาได้ แต่ต้องไม่ผูกพันกับรัฐบาลชุดต่อไป และในช่วง 4 เดือนที่เป็นรัฐบาลรักษาการตนมีแผนที่จะเร่งรัดอยู่แล้วไม่ได้เกียร์ว่าง โดยปีนี้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดงบลงทุนได้กว่า 80% แล้ว”
แหล่งข่าวจากระทรวงคมนาคมระบุว่า โครงการที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมเตรียมเสนอ ครม.ก่อนยุบสภาฯ รวมวงเงินกว่า 7 แสนล้านบาท ประกอบด้วย โครงการรถไฟไทย-จีน ที่เตรียมเสนอ ครม.เป็นโครงการระยะ 2 (นครราชสีมา-หนองคาย) ระยะทาง 365 กิโลเมตร วงเงิน 300,000 ล้านบาท
ขณะที่ระยะที่ 1 (กรุงเทพฯ-นครราชสีมา) ระยะทาง 253 กิโลเมตร รวม 14 สัญญา วงเงิน 179,000 ล้านบาท การก่อสร้างงานโยธาคืบหน้า 16.72% เป็นโครงการที่ดำเนินการมาแล้ว 5 ปี และติดขัดหลายปัญหา เช่น สัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.3 กิโลเมตร อยู่ขั้นตอนต่อรองราคากับบริษัท บุญชัยพาณิชย์ (1979)
นอกจากนี้สถานีอยุธยาต้องรอผลรายงานผลกระทบด้านทรัพย์สินทางวัฒนธรรม (Heritage Impact Assessment : HIA) ของแหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาแล้วเสร็จก่อน
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (ตลิ่งชัน-ศาลายา) 14.8 กิโลเมตร วงเงิน 10,670 ล้านบาท รวมถึงช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร วงเงิน 4,694 ล้านบาท และช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กิโลเมตร วงเงิน 6,468 ล้านบาท
รวมถึงเสนอรถไฟฟ้า Missing link ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ระยะทาง 25.9 กิโลเมตร วงเงิน 47,000 ล้านบาท
ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ ระยะ 2 ตามแผนมี 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,479 กิโลเมตร วงเงิน 275,301 ล้านบาท ซึ่งในเบื้องต้นมีแผนเสนอ ครม.อนุมัติเส้นทางขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 29,748 ล้านบาท
ขณะที่เส้นทางปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กิโลเมตร วงเงิน 62,800 ล้านบาท และเส้นทางชุมทางถนนจิระ-อุบลฯ ระยะทาง 308 กิโลเมตร วงเงิน 37,500 ล้านบาท
นอกจากนี้จะเสนอผลการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ และการเดินรถทั้งเส้นทางช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เป็นผู้ยื่นข้อเสนอดีที่สุด แต่ยังมีข้อพิพาทในศาลปกครอง รวมทั้งที่ผ่านมาเคยมีการยกเลิกการประมูลมาแล้ว รวมแล้วการประมูลมีความล่าช้าเกือบ 3 ปี
ขณะเดียวกันยังมีโครงการโอนสิทธิบริหาร 3 ท่าอากาศยานของกรมท่าอากาศยานได้แก่ ท่าอากาศยานอุดรธานี, บุรีรัมย์ และกระบี่ไปที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด หรือทอท.ซึ่งยังเสนอครม.ไม่ได้ เพราะอยู่ระหว่างทำรายละเอียดทางการเงินตามข้อเสนอแนะของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่าจะเสนอครม.เห็นชอบได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2566
ซึ่งในส่วนของเงินชดเชยจาก ทอท.เพื่อนำเข้ากองทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยาน โดยต้องได้มากกว่าที่เคยได้รับเพื่อนำเงินไปดูแลและพัฒนาท่าอากาศยานแห่งอื่น