“ชัยชนะ” โต้’ไตรรงค์’ตบะแตก-ให้ร้ายบ้านเก่า เพื่อเอาใจบ้านใหม่ ท้า’ชุมพล-วชิราภรณ์’เอาความจริงปมจ่ายเงินล็อบบี้แลกเก้าอี้กก.บห.ปชป.มาพูดกัน
เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ุ66 นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ระบุว่า
น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ปัจจุบันเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ เล่าให้นายชุมพล กาญจนะ บิดา และเป็นอดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี ว่าได้รับการเสนอเงิน 500,000 บาท เพื่อให้ช่วยล็อบบี้คนในกลุ่มของ น.ส.วชิราภรณ์ เพื่อที่จะได้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ และระบุว่า อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ อ่อนลงหลังจาก ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปี 2540 ว่า ตนนึกไม่ถึงว่า นายไตรรงค์ที่เคยถูกยกย่องว่าเป็นนักการเมืองคุณภาพคนหนึ่งในวงการการเมือง จะทำตัวเขาทำนองที่ว่า”ให้ร้ายบ้านเก่าเพื่อเอาใจบ้านใหม่” เพราะหลังจากนายไตรรงค์ย้ายไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว ก็ไม่ได้มีการพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์
แต่เมื่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่ามีพรรคการเมืองที่ไม่ได้เติบโตด้วยตนเอง แต่อาศัยตกปลาในบ่อเพื่อน นายไตรรงค์กลับออกอาการตบะแตก และแสดงพฤติกรรมวาดภาพให้พรรคเก่าดูเลวร้าย เพื่อหวังให้ประชาชนสงสาร และตัดสินใจเลือกกลับเข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง โดยกรณีที่นายไตรรงคอ้างว่าในการเลือกกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ มีการใช้เงินให้ได้ดำรงตำแหน่งฯ โดยอ้างถึงคำบอกเล่าของ น.ส.วชิราภรณ์ที่ว่ามีคนเอาเงินมาให้ 500,000 บาท และขอให้ช่วยเจรจากับคนในกลุ่มอีก 3 คน เพื่อให้ยกมือสนับสนุนนั้น ตนสงสัยว่าทำไมนายไตรรงค์เพิ่งออกมาพูด ทั้งที่เวลาล่วงเลยมานานแล้ว
นายชัยชนะ กล่าวอีกว่า ดังนั้น ตนขอชี้แจงว่ายืนยันไม่มีใครเสนอให้เงินน.ส.วชิราภรณ์ และหากไตรรงค์และ น.ส.วชิราภรณ์มีข้อเท็จจริง ก็ขอให้ยืนยันมา เพราะที่ผ่านมา นายไตรรงค์ ก็เป็นคนพูดจามีหลักการ และหลายๆคน ก็ยกย่องว่าเป็นนักการเมืองน้ำดี แต่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ นายไตรรงค์อาจจะพูดจาแบบไม่ทันยั้งคิด จึงทำให้เกิดผลกระทบลามไปจนถึงพรรคที่ตัวเองสังกัดอยู่ รวมทั้ง หากไม่หลักฐานตามที่กล่าวอ้างแล้ว นายไตรรงค์ก็ทราบดีว่า คนที่ถูกพาดพิงก็มีสิทธิที่จะปกป้องตัวเองตามกฎหมายเช่นกัน
“ที่ผ่านๆ มา ผมก็ทราบว่า บางคนที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไป ก็พยายามสร้างภาพให้ประชาชนดูว่า ที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไป เพราะตัวเองถูกรังแกบ้าง ไม่ได้รับโอกาสบ้าง รวมทั้ง แกล้งทำเป็นหลงลืมเพื่อจะได้พูดจาตอบโต้พรรคที่เคยจากมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เองก็ได้ปัญหาโดยการเปิดตัวคนใหม่ ให้มาเป็นผู้สมัครของพรรคฯ อย่างต่อเนื่อง เปรียบเสมือนการเพาะพันธุ์ปลาตัวใหม่ โดยเสริมวัคซีนเพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาจับปลาในบ่อไปได้อีก รวมทั้งพยายามไม่โต้ตอบกับคนที่พูดจาในลักษณะนี้ แต่ในกรณีของนายไตรรงค์ที่ออกมาพูดจาแบบคนหลงลืมนั้น ผมจำเป็นจะต้องชี้แจง เพราะเนื่องจากว่า การคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ มีความเป็นประชาธิปไตยสูงมากกว่า พรรคการเมืองหลายพรรค ที่เคาะกันมาล่วงหน้า และมีการเรียกประชุมไม่กี่ชั่วโมง ก็เสร็จสิ้นแล้ว แต่ในพรรคประชาธิปัตย์ กว่าจะได้กรรมการบริหารสักคนหนึ่ง ก็ต้องผ่านการกลั่นกรองและการตัดสินใจของสมาชิกซึ่งใช้เวลานาน และนายไตรรงค์ก็รู้กระบวนเหล่านี้เป็นอย่างดี ดังนั้น ผมเชื่อว่าการที่ให้นายไตรรงค์ออกหน้าเรื่องนี้ อาจจะเป็นไปได้ว่าหากนายชุมพลพูดเรื่องนี้เอง อาจจะไม่มีน้ำหนักพอที่จะสร้างกระแสได้ จึงได้ให้นายไตรรงค์ซึ่งมีเครดิตความน่าเชื่อมากกว่า ออกมาพูดแทน เพราะฉะนั้น ผมจึงอยากเรียกร้องให้ น.ส. วชิราภรณ์ นายชุมพล และนายไตรรงค์ เปิดเผยความจริงและหลักฐานมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่อ้างว่า มีคนเสนอเงิน 500,000 บาท มาให้ น.ส.วชิราภรณ์ ล็อบบี้เพื่อนอีก 3 คน เพื่อให้คนๆนั้น ได้ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคฯ น.ส.วชิราภรณ์ ก็ต้องบอกให้ได้ว่าเพื่อนอีก 3 คน คือใคร อีกทั้ง การที่นายไตรรงค์ อ้างว่าอุดมการณ์ของพรรคอ่อนลง ไปตั้งแต่ ม.ร.ว.เสนีย์ถึงแก่อสัญกรรรมไปนั้น ผมก็ต้องถามว่า ทำไมท่านถึงอยู่พรรคประชาธิปัตย์ มาจนถึงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา เพราะผมก็ทราบว่า ม.ร.ว. เสนีย์ ท่านอสัญกรรมไปตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. 2540 ซึ่งในระหว่างนั้นจนถึง 25 ปี ทำไมท่านไม่คิดแก้ไข
เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าอุดมการณ์ของพรรคยังเข้มแข็งอยู่ตลอดไป แต่มีบางคนเท่านั้นที่อ่อนไหวไม่มั่นคงกับอุดมการณ์ของพรรค จนต้องแกล้งลืม และกล่าวหาเพื่อสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนในช่วงเวลาที่กำลังจะมีการเลือกตั้งที่จะถึงนี้”นายชัยชนะ กล่าว
