“ก้าวไกล” เปิดตัว 33 ขุนศึก กทม. ขนคนดังลงเพียบ “หมิว สิริลภัส-แคนแคน นายิกา-โตโต้ ปิยรัฐ – ธิษะณา หลานสาวพล.อ.ชาติชาย” หวิดป่วนมีคนชูป้ายถามนโยบายกก.ทำได้จริงหรือ ด้าน”พิธา” ยอมถอดสายน้ำเกลือขึ้นปราศรัยพบปะชาวกทม.
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 12 มี.ค. ที่สามย่านมิตรทาวน์ พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรค น.ส.พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรค พร้อมสมาชิกสภากรุงเทพมหานครเขตบางแค ยานนาวา และบางซื่อของพรรค ร่วมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส. กทม. ทั้ง 33 เขต
โดยนายพิธา กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า วันนี้ตนไม่สามารถปราศรัยแบบดุเดือดเหมือนทุกครั้งแล้ว เพราะเป็นเหยื่อของฝุ่นPM2.5 คุณหมอให้งดใช้เสียง แต่ที่ตนมาวันนี้เพราะอยากมาพบปะประชาชนชาวกทม. และตนก็เป็นหัวหน้าพรรคที่พักเมื่อชนะไม่ได้พักเมื่อเหนื่อย วันนี้ถอดสายน้ำเกลือออกมาพบปะกับประชาชน ซึ่งตนภูมิใจมากเมื่อปี2562 ชาวกทม.ให้คะแนนเสียงกับพรรคอนาคตใหม่ จนมาวันนี้ตนมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล และประชาชนก็ไม่เคยทิ้งพรรคเรากับการบริจาคภาษีจากประชาชนมาเป็นอันดับที่1 มาเป็นเวลา 4 ปีซ้อน แต่ตนก็มีเรื่องคับแค้นใจที่วันนี้เรายังไม่มีพวกเรามากพอที่อยู่ในสภา และทำเนียบรัฐบาล ดังนั้นถ้าท่านอยากให้มีพวกของเราเยอะๆในสภาและทำเนียบฯให้เลือกก้าวไกล เพื่อเข้าไปแก้ปัญหาด้วยกัน และในการเลือกตั้งปี66 ครั้งนี้คือการเลือกตั้งเพื่อการเดิมพัน เป็นการเลือกตั้งเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ ฉะนั้นท่านต้องกาเลือกก้าวไกล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศของงานมีประชาชนมาร่วมงานและฟังปราศรัยอย่างคึกคัก แต่ช่วงก่อนเริ่มงานนั้นได้มีบุคคล 3-4 คนมาถือแผ่นป้ายพร้อมเขียนข้อความ เช่น ทำได้จริง?นโยบายใกล้กาว หยุดบ่อนทำลายชาติ จนทำให้ถูกเชิญออกจากบริเวณงาน และเมื่อมีการสอบถามถึงที่ไปที่มาของกลุ่มคนเหล่านี้ก็พบว่า เป็นคนที่อาศัยอยู่ย่านนี้ และเมื่อขอให้อ่านข้อความที่เขียนบนป้ายก็ไม่สามารถอ่านได้ แต่คนเหล่านี้บอกแค่ว่าอยากมาถามถึงนโยบายพรรคเฉยๆไม่มีเจตนาอะไร พร้อมยอมออกจากงานไปด้วยดี
สำหรับว่าที่ผู้ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 33 เขต ได้แก่ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร เขตธนบรี ,นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ เขตบางขุนเทียน ,นายปิยรัฐ จงเทพ เขตพระโขนง-บางนา, นายพงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ เขตบางพลัด-บางกอกน้อย, นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตร์ เขตจอมทอง, น.ส.แอนศิริ วลัยกนก เขตทุ่งครุ, น.ส.รักชนก ศรีนอก เขตบางบอน, นายธัญธร ธนินวัฒนาธร เขตบางแค, น.ส.ทิสรัตน์ เลาหพล เขตตลิ่งชัน, น.ส.ปวิตรา จิตตกิจ เขตภาษีเจริญ, นายสิริน สงวนสิน เขตทวีวัฒนา, นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ เขตพระนคร, น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ เขตปทุมวัน, นายจรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ เขตยานนาวา, นายภัณฑิล น่วมเจิม เขตคลองเตย, นายกันตภณ ดวงอัมพร เขตดินแดง, นพ.เฉลิมชัย กุลาเลิศ เขตห้วยขวาง, น.ส.ภัสริน รามวงศ์ เขตบางซื่อ, นายธนเดช เพ็งสุข เขตลาดพร้าว
นายชยพล สท้อนดี เขตหลักสี่, นายเอกราช อุดมอำนวย เขตดอนเมือง, น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ เขตสายไหม, นายภูริวรรธก์ ใจสำราญ เขตบางเขน, น.ส.นายิกา ศรีเนียน เขตบึมกุ่ม, น.ส.สิริลภัส กองตระการ เขตบางกะปิ, นายสุภกร ตันติไพบูลย์ธนะ เขตสวนหลวง, นายวิทวัส ติชะวาณิชย์ เขตคันนายาว, นายณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ เขตสะพานสูง, น.ส.พิมพ์กาญจน์ กีรติวิราปกรณ์ เขตคลองสาน, นายกันต์พงษ์ ประยูรศักดิ์ เขตมีนบุรี, นายชุมพล หลักคำ เขตลาดกระบัง, นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ เขตจตุจักร, นายฉัตรชัย เลี้ยงมงคล เขตหนองจอก
ทั้งนี้นายพิธา ได้ให้สัมภาษณ์ว่า กทม.เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกล โดยการเลือกตั้งในปี 2562 ได้คะแนนป๊อบปูลาร์โหวตในกทม. 8 แสนคะแนน ดังนั้นทั้ง 33 เขตในกทม. จึงเป็นพื้นที่ๆ เราหวังผลทั้งหมด เป็นเขตที่เราหวังที่จะรักษาเขตเดิมและเพิ่มเติมเขตใหม่ ด้วยคะแนนเก่าที่เรามี ด้วยการทำงานอย่างต่อเนื่อง ด้วยแคนดิเดตที่มีความสดใหม่ และคนที่ทำงานในพื้นที่มาตลอด จึงพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า ส.ส.แบบพื้นที่ดี สภาเด่นก็ต้องพรรคก้าวไกลเท่านั้น รวมทั้งการทำงานของ ส.ก.พรรคก้าวไกลในช่วง 1 ปีทีผ่านมา เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาให้กับคน กทม.ได้
เมื่อถามว่าจุดเด่นในพื้นที่กทม.ของพรรคก้าวไกลคืออะไร นายพิธา กล่าวว่า จุดเด่นก็คือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และนโยบายที่จับต้องได้ วันนี้มีปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งพรรคก้าวไกลจะผลักดันรถเมล์ไฟฟ้าให้ได้ภายใน 7 ปี รวมทั้งจะเสนอให้มีการเก็บค่าขยะสำหรับทุนใหญ่หรือห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม นอกจากนั้นยังมีเรื่องของส่วย หรือคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นในประเทศไทยซึ่งในการอภิปรายที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเราสามารถแก้ปัญหาเรื่องพวกนี้ได้ รวมทั้งการนำเสนอนโยบายหวยเอสเอ็มอี ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่กทม.อย่างครอบคลุม
ต่อข้อถามถึงผลการสำรวจของนิด้าโพลที่ในพื้นที่ จ.อุดรธานีที่พรรคก้าวไกลมาเป็นอันดับ 2 รองจากพรรคเพื่อไทย นายพิธา กล่าวว่า ไม่หวั่นไหว และตั้งใจทำงานต่อเต็มที่ ซึ่งนิด้าโพลกลุ่มตัวอย่างอยู่ที่ประมาณ 2,000 คน แต่ในส่วนของอุดรธานีอยู่ที่ 1,020 คน ความมั่นใจอยู่ที่ร้อยละ 95 และเป็นการทำโพลในช่วง 24 ก.พ.-ต้นมี.ค. ในช่วงก่อนที่ตนจะลงพื้นที่ จ.อุดรธานี เพื่อช่วยผู้สมัครหาเสียง และได้พบปะนักธุรกิจและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จึงเชื่อว่าการทำงานของเราสำหรับพรรคก้าวไกลในพื้นที่อุดรธานีที่แพ้แค่ 3,000 คะแนน จะได้รับความนิยมและได้รับความเชื่อมั่นจากชาวอุดรมากขึ้น สำหรับตนโพลขึ้นไม่หลง โพลลงไม่ท้อ เราทำงานเต็มที่เพื่อพี่น้องประชาชนต่อแน่นอน
เมื่อถามว่าแกนนำคณะก้าวหน้าเดินสายในภาคอีสานและภาคเหนือส่วนในภาคกลางจะมาช่วยหาเสียงด้วยหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ตอนนี้มีการลงพื้นที่อย่างเต็มที่ และเป็นก้าวไกลทั้งแผ่นดินจริงๆ เราทำงานกันเป็นทีม แต่ละคนทำงานเต็มที่ในทุกภาคไม่มีภาคใดภาคหนึ่งหรือเขตใดเขตหนึ่งแน่นอน เพื่อให้การเลือกตั้งนี้อย่างน้อยของ 2 ใบ ทั้งส.ส.เขตเพื่อรับใช้ทุกท่านในพื้นที่ และบัญชีรายชื่อเพื่อให้เข้าไปเปลี่ยนแปลงประเทศ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่เพื่อให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยให้ได้
เมื่อถามว่าล่าสุดพรรคเพื่อไทยประกาศความชัดเจนว่าจะไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติแน่นอน จะทำให้การจับมือระหว่างฝ่ายค้านเป็นไปได้มากขึ้นหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่ได้รับฟังก็คือนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พูดในเวที จ.พิจิตร นับว่าเป็นจุดยืนที่ใกล้เคียงกับก้าวไกล แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทำให้จุดยืนของพรรคก้าวไกลหวั่นไหวหรือสับสนแต่อย่างใด จุดยืนของเราที่พูดมาโดยตลอดคือพรรคร่วมฝ่ายค้านถ้ารวมพลังขั้วประชาธิปไตยสามารถที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทยได้มากที่สุด เพราะมีชุดนโยบายที่ใกล้เคียงกันที่จะต่อสู้กับความท้าทายในปัจจุบันของประเทศไทย และพรรคก้าวไกลไม่มีวันร่วมมือกับพรรคทหารจำแลงอย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือพลังประชารัฐอย่างแน่นอน
เมื่อถามถึงกรณีมีฝ่ายตรงข้ามออกมาชูป้ายไม่เห็นด้วยเวลาหาเสียง นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะเป็นพื้นที่สาธารณะ ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แต่สิ่งสำคัญในระบบประชาธิปไตยคือการพูดคุยกัน วันนี้เป็นเวทีหาเสียงของพรรคก้าวไกลที่ตนต้องการมาพูดและหาเสียงกับคนกทม. ว่าจะทำให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคตและแก้ปัญหาในคนกทม.อย่างไร ตนเชื่อว่าวันหนึ่งพวกเขาก็จะมีเวทีและเวลาให้เขาได้พูดในสิ่งที่เขาต้องการได้อย่างมีวุฒิภาวะในการพูดคุยกัน เวลาที่พวกตนหาเสียงอยู่ก็ขอให้เคารพกัน และในเวทีของพวกท่านเราก็จะเคารพพวกท่านเช่นกัน เราควรจะทำเรื่องนี้ให้เป็นบรรทัดฐานและกระบวนการที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบต่อไป และตนได้ย้ำกับผู้สมัครพรรคก้าวไกลว่าอย่าเสียสมาธิ ต้องมีเป้าหมายและเอาการเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนต้องการเป็นที่ตั้ง ส่วนงบประมาณที่มีการตั้งคำถามว่าจะเอามาจากไหนในการทำนโยบายต่างๆ เรายืนยันว่ามีเงินจ่ายทำได้จริง โดยเอามาจากงบของรัฐวิสาหกิจ งบกลาง และการรีดไขมันงบประมาณกองทัพ งบที่ไม่มีประโยชน์ การทำให้หวยขึ้นมาอยู่บนดิน เป็นต้น