“พูนพงษ์” เร่งปราบนอมินีตั้งบริษัทแห่งเดียวจดทะเบียนถึง 12 บริษัท เจ้าของบ้านยันถูกคนแอบอ้างนำบ้านที่ตนเองอยู่อาศัยไปจดทะเบียน ชี้ป็นความผิดอาญาฐานแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า มอบหมายผู้อำนวยการกองป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย พร้อมทีมปราบนอมินี ลงพื้นที่ย่านถนนแจ้งวัฒนะ ตรวจสอบที่ตั้งบริษัทแห่งเดียวจดทะเบียนถึง 12 บริษัท โดยเจ้าของบ้านถูกคนแอบอ้างนำบ้านที่ตนเองอยู่อาศัยไปจดทะเบียนเป็นที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของบริษัท จากการตรวจสอบพบว่าบ้านอยู่ในชุมชนท้ายซอยแจ้งวัฒนะ 1 ทางเข้า-ออก แค่คนเดินสวนกันยังลำบาก รถยนต์ไม่สามารถผ่านได้ สภาพบ้านไม่มีลักษณะที่จะเป็นสำนักงานของบริษัทที่จะประกอบกิจการค้าปลีกค้าส่งสินค้า ประเภทโทรศัพท์มือถือและเครื่องสำอางตามวัตถุประสงค์ที่จดทะเบียนได้ และเจ้าของบ้านแจ้งว่าอยู่มา 30 ปี ไม่เคยอนุญาตให้ผู้ใดใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานของบริษัทแน่นอน
ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าบริษัทกลุ่มนี้ 11 บริษัท อยู่ในลิสต์ที่อาจเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า เนื่องจากกรรมการของบริษัทบางรายถูกขึ้นบัญชีเป็นบัญชีม้าในระบบฐานข้อมูลของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นบุคคลต้องสงสัยในการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งอาจเกิดจากมีบัญชีธนาคารที่ถูกนำไปใช้ในความผิดมูลฐาน เช่น การฉ้อโกง การพนันออนไลน์ หรือการฟอกเงิน เป็นต้น
สำหรับในส่วนของกรมฯ จะรวบรวมข้อเท็จจริงและดำเนินคดีตามกฎหมายในขั้นสูงสุดต่อไป ซึ่งการแอบอ้างนำบ้านหรือที่ตั้งของบุคคลอื่นมาจดทะเบียนนิติบุคคลโดยเจ้าบ้านไม่ยินยอม เป็นความผิดอาญาฐานแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แค่นั้นยังไม่พอ บริษัทจะต้องถูกเพิกถอนที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ พร้อมทั้งอาจต้องรับโทษขั้นสูงข้อหาไม่มีสำนักงานบอกทะเบียน มีโทษปรับ 20,000 บาท และกรรมการผู้รับผิดชอบต้องรับโทษปรับสูงสุดอีก 50,000 บาท
โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะบูรณาการและประสานพลังการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำกับดูแลและตรวจสอบนิติบุคคลอย่างเข้มงวดทั้งเรื่องนอมินีและบัญชีม้า หากพบว่าผู้ใดกระทำผิดกฎหมายจะดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด และขอฝากถึงสำนักงานบัญชี สำนักงานกฎหมาย
รวมถึงประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ หากจะตรวจสอบว่าบ้านของตนถูกนำไปใช้จดทะเบียนเป็นบริษัทหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้ที่ เว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th หัวข้อ “ตรวจสอบที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของนิติบุคคล” หากพบว่าถูกแอบอ้างให้รีบดำเนินการแจ้งความและยื่นคำร้องไปยังกรมฯ หรือแจ้งทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ e-Mail : [email protected] พร้อมแนบเอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ประกอบ เช่น 1.สำเนาทะเบียนบ้าน (เจ้าบ้าน) /สำเนาโฉนดที่ดิน (เจ้าของกรรมสิทธิ์)
2. สำเนาบัตรประชาชน 3.สัญญาเช่า และหนังสือยกเลิกสัญญาเช่า (ถ้ามี) 4.แผนที่ 5. ผู้ประสานงาน เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ในการติดต่อ และ ข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยกรมฯ จะดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มข้นต่อไป
