“ณัฐชา”ซัดเกมสกปรกโยนหินถามทางเล่นงานก้าวไกลไม่หวั่นถูกยุบ เตือนผู้มีอำนาจระวังเละที่กำลังสอยอยู่นั้นมันไม่ใช่ส้ม
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ว่าที่ส.ส.กทม. รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรค ก้าวไกล กำลังเผชิญคดีหุ้นสื่อ ระหว่างเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล และกลัวหรือไม่ว่าพรรคก้าวไกลจะถูกยุบพรรคได้อนาคต ว่า ไม่หวั่นไหวเลยเป็นเกมเดิมที่ผู้มีอำนาจหวังผลแบบเดิม โดยทดลองโยนหินถามทางกับประชาชน เชื่อว่าครั้งนี้ต่อให้ผู้มีอำนาจ จะโยนหินถามทางสักกี่ครั้ง ก็ยังไม่เห็นทิศทางไหนที่สดใสสำหรับผู้มีอำนาจ ณ ตอนนี้ อยากให้ประชาชนนั้นรู้เท่าทัน กลโกงของการใช้กลไกอำนาจแบบสกปรก หรือไม่ กลไกการใช้นิติสงคราม โดยที่ใช้ดุลย์พินิจตรรกะเข้าข้างตัวเองอย่างเดียว ขอประชาชนเสพข่าวแล้วก็อยากจะให้ไม่หลงลืมว่านะวันนี้สถานการณ์ เป็นอย่างไร และก็ไม่หลงลืม หลงเชื่อกับสิ่งที่ผู้มีอำนาจกำลังจะใช้เกมเดิมในการทำลายนายพิธา และรัฐบาลก้าวไกล
เมื่อถามย้ำว่า ไม่กลัวถูกยุบพรรคใช่หรือไม่นายณัฐชาตอบว่า ไม่กลัวแน่นอน วันนี้ไม่ว่าจะข่าวถูกยุบ ไม่ว่าจะข่าวถูกตัดสิทธิ์ ไม่ว่าจะข่าวเลือกตั้งใหม่ ไม่ได้มีผลใดๆ กับเราเลย เราเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลของเราต่อแล้วก็เดินหน้าพูดคุยเตรียมความพร้อมในการเป็นรัฐบาล สังเกตได้ว่าวันนี้นโยบายไหน ที่เราสัญญาทำว่า 100 วัน ก็ต้องเริ่มนับหนึ่งจนไปถึงร้อย ประชาชนกำลังคาดหวังรัฐบาลก้าวไกล อยู่ขอให้ประชาชนไปมุ่งหวังแล้วก็ไปโฟกัสเรื่องนี้ดีกว่า
“ส่วนเรื่องของผู้มีอำนาจที่เขาพยายามอยู่ ก็ให้เขาพยายามลมๆแล้งๆไป ให้โยนหินมาหมดหน้าตักก็ไม่มีทางที่สดใสของเขา อยากบอกผู้มีอำนาจว่า ที่คิดว่าเป็นส้ม แล้วกำลังจะสอยให้หล่นนั้น ที่กำลังสอยอยู่ไม่ใช่ส้ม แต่วันนี้ก้าวไกลเป็นลูกเหล็กสีส้มมีน้ำหนักจำนวนมากนะ หากสอยจนร่วงหล่นใส่ตัวเมื่อไรนั้นเละแน่นอน เพราะฉะนั้นอย่ามาหวังลมๆแล้งๆ”นายณัฐชา กล่าวว่า
ด้าน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี ส.ว.ออกมาชี้โพรงเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ รวมถึงคดีหุ้นสื่อนายพิธา และคดีเกี่ยวกับมาตรา 112 ของน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ว่าที่ ส.ส.ปทุมธานีนั้น พรรคก้าวไกลกำลังเจอกับนิติสงคราม อยู่หรือไม่ ว่า มองว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ นิติสงครามก็จริงๆก็มีการกระทำกันมาตั้งแต่ก่อนพรรคอนาคตใหม่แล้วด้วยซ้ำ ตั้งแต่สมัยก่อนที่จะมีการรัฐประหารปี 2557 ด้วยซ้ำแต่บริบททางสังคม ณปัจจุบันวันนี้กับ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว มันไม่เหมือนกันแล้ว ประชาชนจับตามองเรื่องนี้และอย่างที่เห็นทุกคนและเป็นประชา น่าจะเห็นว่า มันเป็นการทำร้ายกันทางการเมือง โดยใช้กฏหมายเป็นเครื่องมือ แต่ต้นทุนในการทำสิ่งนี้ของผู้นำผู้มีอำนาจระหว่าง 10 กว่าปีที่แล้วกับวันนี้ มันไม่เหมือนกัน
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวอีกว่า เคยพูดบ่อยเเล้วว่า สุดท้ายแล้วปากกามันไม่ได้อยู่ที่เรา แต่อยากให้ทุกฝ่ายลองคิดให้ดีว่าประเทศ มันจะเดินหน้าไปได้อย่างไร เชื่อว่าหลายคน แม้กระทั่งคนที่ไม่เห็นด้วยกับก้าวไกล อยากเห็นประเทศไทยเดินไปข้างหน้า และอยากให้คิดทบทวนกันอย่างรอบคอบว่า การใช้วิธีการแบบเดิมๆและการผูกขาดอำนาจไว้ที่กลุ่มตัวเอง บริบทสังคมวันนี้มันทำให้ประเทศมันเดินหน้าได้จริงหรือเปล่า หรือว่ามันจะทำให้เกิดความวุ่นวาย ทุกวันนี้คนก็รู้มากขึ้นแล้วว่า เหตุการณ์หลายปีที่ผ่านมามันเกิดอะไรบ้าง ทุกคนไม่มีใครอยากให้ประเทศชาติมันพังทลายลง ลองตรองกันให้ดี ๆ เพราะในการเลือกตั้ง ประชาชนได้บอกแล้วว่า หนทางที่ประเทศควรจะเดินไปข้างหน้านั้นเป็นอย่างไร จะเดินไปทางไหนสุดท้ายแล้วชาติคือประชาชน พรรคคือประชาชน