รมว.ต่างประเทศ ระบุการพูดคุยหยุดยิงต้องตั้งอยู่บนความจริงใจและข้อเท็จจริง หลังเกิดเหตุยิงจรวด BM-21 ข้ามแดนไทยเมื่อ 13 ธ.ค. คร่าชีวิตพลเรือน พร้อมย้ำไทยไม่ก้าวร้าว แต่จำเป็นต้องปกป้องผลประโยชน์ชาติเต็มที่
เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่โรงแรมเมอเวนพิค บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท กรุงเทพฯ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ว่า ฝ่ายเวียดนามรับทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยตนได้ชี้แจงว่า การจะเดินหน้าไปสู่การหยุดยิงนั้น ขึ้นอยู่กับความพร้อมและท่าทีที่ชัดเจนของฝ่ายกัมพูชา
นายสีหศักดิ์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา กัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 ข้ามเข้ามาในฝั่งประเทศไทย ส่งผลให้พลเรือนไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย พร้อมตั้งคำถามว่า ภายใต้เหตุการณ์เช่นนี้ กัมพูชามีความพร้อมที่จะหยุดยิงอย่างแท้จริงหรือไม่ พร้อมย้ำว่า หากจะพูดถึงการหยุดยิง ทุกฝ่ายต้องพูดกันด้วยความจริงใจ และต้องตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
รมว.ต่างประเทศ ยังกล่าวว่า ประเทศไทยต้องการให้สหรัฐอเมริกา ซึ่งแสดงบทบาทสนับสนุนการหยุดยิงและสันติภาพ เข้าใจสถานการณ์อย่างแท้จริง รวมถึงเข้าใจความรู้สึกของประชาชนไทยและประเทศไทย
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้ชี้แจงกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับประเด็นการหยุดยิง นายสีหศักดิ์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเพียงแสดงความประสงค์ให้การยั่วยุต่าง ๆ ยุติลง และไม่ได้กล่าวถึงการหยุดยิงตามที่มีการเข้าใจกัน
ส่วนกรณีที่กัมพูชายกระดับบทบาทตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ จะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบหรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ไทยต้องการพูดคุยอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกัน แต่หากกัมพูชาไม่พร้อม สถานการณ์ก็ยังคงเป็นเช่นนี้
“มีอยู่สองเส้นทาง เส้นทางหนึ่งคือความขัดแย้งและความสูญเสียที่เพิ่มขึ้น อีกเส้นทางหนึ่งคือสันติภาพผ่านการพูดคุย แต่ขณะนี้ผมยังไม่เห็นว่ากัมพูชาตัดสินใจเลือกเส้นทางใด หากกัมพูชายังไม่ตัดสินใจ ไทยก็ไม่สามารถเดินไปฝ่ายเดียวได้” นายสีหศักดิ์ กล่าว
สำหรับคำถามถึงสัญญาณที่บ่งชี้ว่ากัมพูชาพร้อมจะเจรจา นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า หากพูดถึงการหยุดยิง ก็ต้องหยุดยิงจริง ไม่ใช่กล่าวถึงการหยุดยิง แต่ยังคงมีการยิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในประเด็นการอพยพคนไทยออกจากกัมพูชา นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า หากไม่สามารถเดินทางผ่านด่านชายแดน โดยเฉพาะที่ปอยเปตได้ อาจต้องใช้การเดินทางกลับด้วยเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งขณะนี้มีเที่ยวบินไปยังเมืองเสียมราฐ วันละประมาณ 3 เที่ยวบิน เพื่อทยอยรับคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ
เมื่อถามถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม เตรียมเรียกประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนสมัยพิเศษ นายสีหศักดิ์ ระบุว่า ไทยพร้อมเข้าร่วม แต่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของประเทศสมาชิก โดยเห็นว่าประเด็นสำคัญเช่นนี้ควรประชุมแบบพบหน้า เพื่อให้การหารือเป็นไปอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเบื้องต้นไทยแจ้งความพร้อมเร็วที่สุดในวันที่ 16 ธ.ค. แต่ยังอยู่ระหว่างการหารือเรื่องวันและสถานที่ประชุม โดยไทยเสนอให้จัดที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาเซียน
ส่วนกรณีที่กองทัพขอให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยชี้แจงต่อประชาคมโลก หลังตรวจพบสมุดบันทึกพิกัดการวางทุ่นระเบิดของทหารกัมพูชา นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ไทยได้ชี้แจงในทุกเวทีมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการประชุมรัฐสภาคีอนุสัญญาออตตาวาที่นครเจนีวา ซึ่งมีการนำเสนอข้อมูล วิดีโอ และกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดแล้วถึง 7 ครั้ง
เมื่อถูกถามถึงความกังวลว่าท่าทีที่แข็งกร้าวของไทยอาจทำให้นานาชาติมองว่าไทยก้าวร้าว นายสีหศักดิ์ ยืนยันว่า ไทยไม่ได้ก้าวร้าว แต่เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศอย่างชอบธรรม พร้อมตั้งคำถามกลับว่า การที่ทหารไทยต้องสูญเสียขา แล้วประเทศไทยออกมาแสดงจุดยืนอย่างเข้มแข็ง จะถือเป็นความก้าวร้าวได้อย่างไร



















