พรรคภูมิใจไทยเดินหน้าจัดทัพเลือกตั้งกรุงเทพฯ เต็มสูบ “ศุภมาส” ระบุว่าที่ผู้สมัครมีมากกว่าจำนวนเขต คาดได้ครบเกือบทั้ง 33 เขตใน 1-2 วัน ย้ำส่งทุกคนลงสนามต้องชนะ พร้อมชี้กลยุทธ์อิงผู้นำพรรคและทีมงาน สร้างความเชื่อมั่นสังคม
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเหรัญญิกและแกนนำพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงความพร้อมในการคัดเลือกและส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ได้มีการหารือร่วมกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ซึ่งขณะนี้พรรคมีว่าที่ผู้สมัครมากกว่าจำนวนเขตเลือกตั้งในกรุงเทพฯ ทั้งหมด 33 เขต โดยทุกคนมีความพร้อมและมีคุณสมบัติตามที่พรรคต้องการ ทั้งอดีต สส. อดีตรัฐมนตรี รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจเข้ามาทำงานการเมือง
น.ส.ศุภมาสกล่าวว่า ขณะนี้พรรคได้คัดเลือกผู้สมัครแล้วประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะได้ผู้สมัครเกือบครบทั้ง 33 เขต โดยในวันนี้ (16 ธ.ค.) จะมีการหารือเพิ่มเติม หากทุกอย่างพร้อม อาจมีการเปิดตัวผู้สมัครในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ พร้อมยืนยันว่าการคัดเลือกจะมีความชัดเจนก่อนวันที่ 27 ธ.ค. อย่างแน่นอน
เมื่อถามถึงเป้าหมายจำนวน สส. กรุงเทพฯ ที่พรรคตั้งไว้ น.ส.ศุภมาสระบุว่า ยังไม่ได้มองในเชิงตัวเลข แต่เมื่อส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งแล้ว ทุกคนต้องแพ้ไม่ได้ และพรรคจะต้องทำพื้นที่ให้ได้มากที่สุดทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขยังต้องรอดูสถานการณ์ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่นิ่ง
ส่วนกลยุทธ์การเลือกตั้งในกรุงเทพฯ ซึ่งมักอิงกับกระแสทางการเมือง น.ส.ศุภมาสกล่าวว่า จะขึ้นอยู่กับผู้นำพรรคและองคาพยพทั้งหมดของพรรคภูมิใจไทย รวมถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ได้ประกาศมาแล้ว 3 ราย และการทยอยเปิดตัวทีมเศรษฐกิจ รวมถึงทีมงานด้านอื่น ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับจากสังคม พร้อมย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ตัดสินใจทางการเมืองเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง หรือเพื่อติดเงื่อนไขใด ๆ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงความชัดเจนของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค น.ส.ศุภมาสกล่าวว่า ภายใน 1-2 วันนี้ น่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้น แต่ขอให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ในพรรคเป็นผู้ให้คำตอบ
ขณะที่กระแสชาตินิยมจะส่งผลต่อคะแนนเสียงในพื้นที่กรุงเทพฯ หรือไม่ น.ส.ศุภมาสกล่าวว่า พรรคไม่ได้มองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นกระแสบวกหรือลบ แต่ทุกการดำเนินการทำด้วยความจริงใจและต้องการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง โดยเฉพาะจังหวัดในพื้นที่ชายแดนซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคภูมิใจไทย พร้อมย้ำว่าเป้าหมายหลักคือการแก้ปัญหาโดยไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ไม่ได้คำนึงถึงการได้หรือเสียคะแนนเป็นหลัก



















