หน้าแรกNEWSเพื่อไทยซัด “อนุทิน” หลอกตัวเอง–หลอกสังคม ชี้ยุบสภาหนีตรวจสอบ ทำสภาเป็นอัมพาต

เพื่อไทยซัด “อนุทิน” หลอกตัวเอง–หลอกสังคม ชี้ยุบสภาหนีตรวจสอบ ทำสภาเป็นอัมพาต

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ลิณธิภรณ์” ระบุคำให้สัมภาษณ์นายกฯ ที่อ้างว่ายังไม่ถูกตรวจสอบ สวนทางความจริง ชี้รัฐบาลเสียงข้างน้อยเผชิญวิกฤติรอบด้าน ตั้งแต่การเมือง ความมั่นคงชายแดน ถึงน้ำท่วมใต้ ย้ำการยุบสภาไม่ใช่คืนอำนาจประชาชน แต่เป็นการตัดตอนหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการทำงานของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ภายหลังให้สัมภาษณ์ในรายการหนึ่ง โดยอ้างว่าการตรวจสอบรัฐบาลยังไม่เกิดขึ้นว่า เป็นคำพูดที่สวนทางกับความเป็นจริงที่ประชาชนทั้งประเทศรับรู้ แต่รัฐบาลกลับเลือกหลอกตัวเองและหลอกสังคม

น.ส.ลิณธิภรณ์ระบุว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลเสียงข้างน้อยชุดนี้เผชิญปัญหาซ้อนทับทั้งเชิงโครงสร้างและการบริหาร ตั้งแต่การบิดเบือนหลักประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา วิกฤติสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาที่ทวีความตึงเครียด ไปจนถึงความล้มเหลวในการรับมือและเยียวยาวิกฤติน้ำท่วมภาคใต้ ซึ่งล้วนเป็นเหตุผลหนักแน่นที่สภาผู้แทนราษฎรต้องทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มข้น

รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การยุบสภาในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ใช่การคืนอำนาจให้ประชาชนตามคำโฆษณาทางการเมืองของนายกรัฐมนตรี แต่เป็นการ “ตัดไฟแต่ต้นลม” เพื่อหลีกหนีการตรวจสอบ เพราะทันทีที่มีการยุบสภา กลไกการตรวจสอบของรัฐสภาจะถูกทำให้เป็นอัมพาต ทั้งที่สังคมยังตั้งคำถามอย่างกว้างขวางว่า ประเทศไทยพร้อมสำหรับการเลือกตั้งใหม่จริงหรือไม่ ท่ามกลางสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่ยังไม่คลี่คลาย

น.ส.ลิณธิภรณ์ตั้งคำถามว่า เหตุใดนายกรัฐมนตรีจึงกล้าอ้างว่า การยุบสภาเป็นผลจากการที่พรรคประชาชนส่งสัญญาณไม่สนับสนุนรัฐบาลต่อไป ทั้งที่ความผิดปกติเริ่มต้นตั้งแต่การตัดสินใจจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และการล่อลวงด้วยข้อตกลงทางการเมืองหรือ MOA ซึ่งเป็นเพียง “สัญญาจอมปลอม” ที่ถูกวางเกมมาตั้งแต่ต้น

“ปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย และเป็นการทำลายระบบรัฐสภาอย่างสิ้นเชิง” น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าว

พร้อมกันนี้ยังระบุว่า ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีคนใดปล่อยให้พรรคฝ่ายค้านเป็นผู้ชี้ชะตาอำนาจบริหารประเทศเช่นกรณีนี้ ซึ่งสะท้อนชัดถึงความต้องการส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งรักษาอำนาจโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชน จนยอมฉีกทุกกติกาและทำลายหลักการของระบอบประชาธิปไตย

“นี่คือบทพิสูจน์ของการเมืองที่แสวงหาอำนาจด้วยกลลวง ไม่สามารถค้ำยันรัฐบาลอนุทินให้เดินต่อไปได้ เครื่องมือเดียวที่เหลืออยู่คือการยุบสภาเพื่อหนีความผิดพลาด หากจะอ้างว่าทำตามข้อตกลงก็เชิญ แต่เกมการเมืองครั้งนี้ รวมถึงกรณีคดีฮั้ว สว. ที่เงียบหายไป ประชาชนตาสว่างแล้ว” น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าว

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img