“สวนดุสิตโพล” เผยผลสำรวจ “ความขัดแย้งกรณีการเลือกนายกรัฐมนตรี” พบสาเหตุการมุ่งแต่อำนาจจนเกินขอบเขต แย่งชิงผลประโยชน์ ทำการเมืองไทยแย่ลง
เมื่อวันที่ 23 ก.ค.สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ความขัดแย้งกรณีการเลือกนายกรัฐมนตรี” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,809 คน สำรวจระหว่างวันที่ 20-22 กรกฎาคม 2566 พบว่า
ประชาชนมองว่ากรณี ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากการเลือกนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในสังคม ร้อยละ 71.73 โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งครั้งนี้ คือ การมุ่งแต่อำนาจจนเกินขอบเขต แย่งชิงผลประโยชน์ ร้อยละ 74.21 แนวทางการยุติความขัดแย้ง คือ ควรเคารพเสียงจากการเลือกตั้ง ร้อยละ 77.39 บทเรียนจากความขัดแย้งครั้งนี้คือ ทุกคนมีความเห็นทางการเมืองที่ต่างกันได้ แต่ควรเคารพซึ่งกันและกัน ร้อยละ 64.13 ทั้งนี้เห็นว่าการเมืองไทยหลังจากนี้ก็คงจะแย่ลง ร้อยละ 40.63
จากผลการสำรวจสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนรู้สึกเบื่อหน่ายกับปัญหาทางการเมือง ระบบของกฎหมายที่นำมาซึ่งปัญหาในการเลือกนายกรัฐมนตรี แม้จะเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว แต่กลับยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เนื่องจากการมุ่งแต่อำนาจและผลประโยชน์ การปฏิบัติหน้าที่ของ สว. และการไม่ยอมรับเสียงของประชาชน จึงอยากให้ทุกฝ่ายถอยคนละก้าวบนฐานคิดคือประโยชน์ของประชาชนมากกว่าของตนเอง
การเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ภายใต้กติกาตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภาในการให้ความเห็นชอบต่อผู้ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีและกำหนดเงื่อนไขไว้ว่า เมื่อรวมสมาชิกสองสภาในการลงคะแนนรับรองผู้ที่ถูกเสนอชื่อแล้ว จะต้องได้เสียงเกินครึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งสองสภา จากประเด็นดังกล่าว ผลโพล จึงชี้ให้เห็นว่าทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในสังคมถึง 71.73%
อย่างไรก็ตามประชาชนยังคงมีความหวังว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เพียงแต่ทุกฝ่ายเคารพเสียงของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย ยอมถอยคนละก้าวร่วมกันหาแนวทางอย่างสันติ
นอกจากนี้ผลโพลยังสะท้อนว่าประชาชนได้เรียนรู้และยอมรับว่า ทุกคนมีความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันได้ เพราะเราทุกคนมีประสบการณ์ชีวิตในแต่ละช่วงวัยแตกต่างกัน แม้จะรู้สึกว่าประชาธิปไตยของไทย ยังคงมีปัญหา แต่สังคมไทยยังอยู่ด้วยความหวัง กลุ่มตัวอย่างจึงมองว่าการเมืองไทยจะดีขึ้นแม้มีเพียง 25.65% แต่นี่คือเชื้อไฟที่ไม่เคยดับมอด เป็นแสงสว่างที่คนในชาติต้องช่วยกันรับไม้และส่งต่อแสงสว่างให้ลุกโชนยิ่งขึ้นสืบไป