“ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ยอมรับมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ ระบุลำดับไม่สำคัญ เน้นสร้างความหวัง-ความเข้าใจในการบริหารประเทศ พร้อมชี้เศรษฐกิจโลกปีหน้าสุ่มเสี่ยง หนี้สาธารณะไทยน่ากังวล ชูนโยบายเพิ่มขีดแข่งขัน ไม่ใช่กู้มาแจก
เมื่อเวลา 11.05 น. วันที่ 18 ธ.ค. 68 ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์กรณีมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค โดยยอมรับว่าเป็นหนึ่งในรายชื่อดังกล่าว ส่วนแคนดิเดตคนอื่น ๆ ขอรอการประกาศอย่างเป็นทางการ
นายธีระชัย ระบุว่า ลำดับของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เนื่องจากไม่ว่าจะเสนอ 2 หรือ 3 รายชื่อ ทุกคนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน โดยผู้ที่จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมือง ต้องเป็นบุคคลที่สามารถสร้างความเข้าใจและความหวังให้กับประชาชนในแนวทางการบริหารประเทศ ว่าจะทำให้ประชาชนอยู่รอดและอยู่ดีกินดีได้จริงอย่างไร ทั้งนี้ ยังต้องรอความชัดเจนเรื่องวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความพร้อมของพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้ นายธีระชัย กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเตรียมความพร้อมมาเป็นเวลานานแล้ว และคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าจะมีการยุบสภา แม้จะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่ประเมินไว้ก็ตาม
นายธีระชัย กล่าวต่อว่า พรรคให้ความสำคัญกับการจัดทำนโยบาย โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นนโยบายที่มีความแตกต่าง และเชื่อว่าจะสามารถสร้างความหวังให้กับประชาชนได้ในระดับหนึ่ง พร้อมมองว่า ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง วันที่ 8 ก.พ. 2569 ยังมีเวลาเพียงราวเดือนครึ่ง โดยประเด็นสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาน่าจะมีความคืบหน้า ทำให้ความกังวลของประชาชนคลี่คลายลงได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่ที่กำลังคืบคลานเข้ามาคือปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องประชาชน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกในปีหน้ามีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์ รวมถึงความเสี่ยงจากการปรับนโยบายการเงินและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสวนทางกับสหรัฐอเมริกา อาจนำไปสู่การแตกของฟองสบู่ในตลาดทุนตะวันตก และส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย นายธีระชัย ระบุว่า ปัญหาสำคัญในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา คือการเพิ่มหนี้สาธารณะแล้วนำมาแจกจ่ายเพื่อการบริโภคในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เปรียบเสมือนครอบครัวที่นำเงินจากการรูดบัตรเครดิตมาให้ลูกใช้จ่ายอย่างสะดวกสบาย แต่ไม่สร้างศักยภาพให้สามารถแข่งขันกับผู้อื่นได้ในอนาคต
นายธีระชัย กล่าวว่า หากการแจกจ่ายมุ่งช่วยกลุ่มเปราะบาง ถือเป็นลักษณะรัฐสวัสดิการ แต่หากนำเงินกู้มาจ่ายให้กับกลุ่มที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จะเป็นการเพิ่มภาระหนี้โดยไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งพรรคพลังประชารัฐได้เตรียมนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหานี้ไว้แล้ว อาทิ แนวคิดนโยบาย “เงินผัน” ส่งตรงไปยังหมู่บ้านเพื่อให้ชุมชนพัฒนาตนเอง คล้ายแนวทางในสมัยรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช รวมถึงนโยบายเรือธงอื่น ๆ ที่จะทยอยเปิดตัว
เมื่อถามถึงระยะเวลาที่เหลือก่อนการเลือกตั้ง นายธีระชัย ยืนยันว่า นโยบายของพรรคมีความพร้อมทั้งหมด และผ่านความเห็นชอบจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค รวมถึงคณะกรรมการบริหารพรรคแล้ว อีกทั้งไม่กังวลต่อการตรวจสอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เนื่องจากทุกนโยบายถูกออกแบบให้มีความสมดุล
ส่วนการจับมือทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง นายธีระชัย ระบุว่า พรรคพร้อมร่วมงานกับทุกพรรคการเมือง หากสามารถรับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐได้
