“ภูมิธรรม” ควง “นภินทร” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงพาณิชย์ ลั่นพร้อมดูแลปากท้องประชาชน-เดินหน้าทำเอฟทีเอ ระบุนโยบายสินค้าเกษตรมีทั้งข้อดีข้อเสียอะไรดีก็พร้อมทำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 ก.ย.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางเข้ามาปฏิบัติงานที่กระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำเป็นวันแรก โดยได้เข้าสักการระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 6 จุดคือ ศาลพระภูมิ ศาลเจ้าแม่ทุ่งน้อย พระอนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ พระประทานพร พระรูปพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน และหลวงพ่อโอภาสี
นายภูมิธรรม กล่าวว่า การแบ่งงานกับรัฐมนตรีช่วยว่าการขณะนี้ยังไม่ได้มีการแบ่งงาน แต่วันนี้จะหารือร่วมกับปลัดกระทรวงพาณิชย์ และอธิบดีแต่ละกรมก่อน เพื่อเรียนรู้ และฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะก่อน ยืนยันว่ารัฐบาลเราทำงานเป็นทีม แม้ว่าจะต่างพรรคกัน แต่ทั้ง 11 พรรคการเมืองจะช่วยการทำงาน ทำงานร่วมกันเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน
สำหรับนโยบายเร่งด่วนที่เร่งเข้ามาดำเนินการเป็นเรื่องแรกนั้น นายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางไว้แล้วว่า อะไรที่ทำได้ก่อนให้รีบทำ โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นปัญหากับพี่น้องประชาชนให้รีบทำก่อน เพราะลำบากต่อเนื่องมาหลายปี รวมถึงเร่ง แก้ไขระเบียบที่ขัดขวางการทำงาน รวมทั้งปรับให้ทันสมัย ทั้งนี้จะมอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติให้แก่ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ในวันที่ 14 ก.ย.66
ส่วนกรณีที่น้ำมันเชื้อเพลิง และค่าไฟฟ้าลดราคาว่าจะต้องมีการปรับลดราคาสินค้าหรือไม่ หากจะให้ประชาชนอยู่ดีกินก็ควรต้องปรับลดราคาสินค้าลงให้สอดคล้องกับค่าครองชีพ ของประชาชนในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาทุกรัฐบาล เชื่อว่าภายใต้การนำของรัฐมนตรีพาณิชย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และอธิบดีกระทรวงพาณิชย์ทุกคนจะร่วมมือกันรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้ ซึ่งปัญหาสินค้าราคาแพงนั้น จะต้องดูว่าช่วงเวลาฤดูกาล ว่ามีอะไรเกิดขึ้นพาณิชย์จังหวัด และบุคลากรที่เกี่ยวข้องจะต้องเข้ามาดูแลเพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา
ส่วนเรื่องส่งออกของไทยที่มีตัวเลขติดลบต่อเนื่องนั้น เป็นปัญหาที่กังวลมานาน ซึ่งทูตพาณิชย์ในต่างประเทศ จะต้องช่วยกันหาตลาดให้มากขึ้น โดยเรามีเป้าหมายเชิงรุกที่จะขยายตลาด ทั้งนี้จะขอดูข้อมูลและรายละเอียดเรื่องส่งออกจากปลัดกระทรวงและหน่วยงานปฏิบัติก่อน
ขณะที่การเดินหน้ากรอบความตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอต้องเร่งรัด แต่หลายเรื่องเป็นการต่อรองต้องหาจุดสมดุลที่จะได้ประโยชน์ทุกฝ่าย คาดว่าภายในปี 67 จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้อีกหลายฉบับ ส่วนมินิเอฟทีเอซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่แล้วจะเดินหน้าหรือไม่ขอดูก่อน อะไรที่ดีจะเดินหน้าต่อ ส่วนที่มีปัญหาต้องทบทวน โดยเอาประโยชน์ ประเทศ และประชาชนเป็นที่ตั้ง
สำหรับการดูแลราคาสินค้าเกษตร ขอยังไม่ตอบว่าจะมีการนำนโยบายรับจำนำกลับมาใช้หรือไม่ และจะใช้นโยบายอย่างไร เพราะทุกนโยบายเกี่ยวกับสินค้าเกษตรมีทั้งข้อดีและข้อเสีย สิ่งสำคัญวันนี้ คือเราไม่ได้ยึดติดอะไร อะไรที่ดี หรือไม่ดีของทุกฝ่าย หรือของรัฐบาลที่แล้ว เราก็สามารถเอามาปรับเข้ากันได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน
“แนวทางการทำงานของตนนั้น ต้องการที่จะพบและพูดคุยกับทุกฝ่ายทั้งผู้บริโภค ประชาชน เอสเอ็มอี ผู้ประกอบการทั้งรายย่อย รายใหญ่ เพื่อให้ทุกส่วนไปด้วยกันได้ ไม่ได้ให้ความสำคัญแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะถ้าผู้ประกอบการอยู่ไม่ได้ก็เป็นปัญหา ประชาชนอยู่ไม่ได้ก็เป็นปัญหา ดังนั้นต้องหาจุดสมดุล โดยเอาประชาชนเป็นหลัก และต้องให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ด้วย”นายภูมิธรรมกล่าว
สำหรับรัฐมนตรีช่วยคนที่ 2 ซึ่งเป็นโควตาจากพรรคพลังประชารัฐ แม้ว่าขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์จะมีรัฐมนตรีแค่ 2 คน แต่ตนก็ที่ไม่ติดเงื่อนไขอะไร มี 2 คนก็ช่วยกันทำงาน 2 คน แต่ถ้า มี 3 คนก็ดี ช่วยกับแบ่งเบาภาระงาน ที่สำคัญเรามั่นใจว่าจะมีแบล็กอัพที่ดี เพราะข้าราชกระทรวงพาณิชย์เป็นมืออาชีพกันทุกคน หากเราเป็นมืออาชีพ เคารพ และรับฟังความคิดเห็นกัน การทำงานจะไปได้ดี และรับมือกับทุกปัญหาได้ ส่วนจะมีรัฐมนตรีคนที่ 3 เข้ามาเพิ่ม หรือไม่ขึ้นอยู่กับพรรคพลังประชารัฐจะคุยกับรัฐบาล ซึ่งคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจคือ นายกรัฐมนตรี