“ตู่-จตุพร” ดับเครื่องชน “บิ๊กตู่” ตระบัดสัตย์เบี้ยวแก้รธน. ปลุกคนออกมาขับไล่ ลั่นคนไม่รักษาสัจวาจาก็ไม่มีความชอบธรรมจะปกครองประเทศ นัดระดมความเห็นทุกฝ่าย 26 มี.ค.นี้ เชื่อถึงเวลาที่ปชช.ต้องตื่นขึ้นมาโค่น “ประยุทธ์” แล้ว
เมื่อวันที่ 24 มี.ค.64 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk กล่าวว่า หน้าประวัติศาสตร์เหตุการณ์พฤษภาทมิฬนั้น มาจากการ “ตระบัดสัตย์” เพียงเรื่องเดียว จึงทำให้ผู้คนลุกขึ้นมาขับไล่ แล้วอำนาจจึงพังพาบลงไป ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญที่ถูกคว่ำไปนั้น เป็นเพราะมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” พร้อมมีขบวนการสมคบคิด ขัดขวางร่างแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล แต่ผู้นำรัฐบาลกลับไม่รับผิดชอบ เท่ากับเป็นการตระบัดสัตย์ต่อสัจวาจาที่ให้กับประชาชน ล่าสุดส่อแนวโน้มว่า ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ จะมีทีท่าล่าช้าออกไป เพราะบรรดาแก๊งสมคบคิดเดิมๆ จ้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีก บ้านเมืองจะอยู่กับการปราศจากความหวัง หรืออยู่ท่ามกลางการหลอกลวง ตระบัดสัตย์ ทรยศซ้ำๆ เช่นนี้ไม่ได้อีก
นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีวี่แววการรับผิดชอบจากรัฐบาล มีแต่การเยาะเย้ย ดังนั้นการระดมความคิดเห็นในวันที่ 26 มี.ค.นี้ ที่สมาคมนักข่าวฯ จึงเริ่มเกิดการวิตกจริตขึ้นมาจากฝ่ายรัฐบาล ยืนยันกับประชาชนว่า ไม่ว่าจะมีความแตกต่างทางการเมือง เชื่ออย่างไร ขอวางไว้ชั่วคราว เพื่อมาคิดหาทางช่วยบ้านเมืองก่อน ถ้าคนไทยไม่ลุกขึ้นมาจัดการแล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯยาวนานที่สุดในประเทศ หากทำให้สิ่งที่ถูกต้อง ประชาชนเห็นผลงานเป็นที่ประจักษ์ จะอยู่เป็นชาติไม่มีใครว่า แต่เมื่อตระบัดสัตย์แล้วยังอยู่ได้ จึงเป็นเรื่องที่ต้องวิพากษ์วิจารณ์ในฐานะเป็นคนไทย
นายจตุพร กล่าวอีกว่า การนัดหมายในวันที่ 26 มี.ค. เป็นการแสดงความคิดเห็นของประชาชนที่ไม่มีฝ่ายกัน แต่เป็นเรื่องของประชาชนกับผู้มีอำนาจ เพราะปัญหาเฉพาะหน้าคือพล.อ.ประยุทธ์ และตราบใดยังเป็นนายกฯ จะไม่มีวันได้แก้รัฐธรรมนูญ เพราะสัจวาจาที่ให้ไว้ ยังละเลย ไม่สนใจอีกด้วย ส่วนการเคลื่อนไหวของคนหนุ่มสาวก็ว่ากันต่อไป แต่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นปัญหาหลัก และได้เวลาของประเทศไทยกันแล้ว ดังนั้นการระดมความคิดต่างๆ เป็นสนามเปิดจึงจำเป็นของพวกเรา และคราวนี้ทุกฝ่ายควรมาร่วมกัน เพราะเกิดการตระบัดสัตย์อย่างชัดเจนขึ้น
“มารอบนี้ ผมบอกว่ามันเป็นรอบที่มีความสำคัญ ผมอดทนถึงที่สุด แม้ถูกอธิบายด้วยการเข้าใจผิดมาตลอดเวลา แต่ต้องรอจนถึงสถานการณ์นี้ ที่ผมมองเห็นว่าได้เวลาแล้ว คนไม่รักษาสัจวาจาไม่มีความชอบธรรมใดๆ ที่จะปกครองประเทศนี้ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือ การหลอมรวมหัวใจคนไทยทั้งชาติ อาจไม่ได้เห็นด้วยกันหมด ส่วนขบวนการต่อไปนี้ต้องเปิดกว้างกันมากที่สุด แม้เราเคยเจ็บปวด มีความร้าวรานมากันทั้งนั้น แต่เราจะปล่อยให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพอย่างนี้อีกต่อไปไม่ได้”นายจตุพรกล่าว
นายจตุพร กล่าวต่อว่า วันที่ 26 มี.ค.นี้ ไม่มีเขาและเรา แต่ทุกคนเป็นคนไทยต้องการจัดการสิ่งที่ถูกต้องให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้ คนที่ไม่เห็นด้วยกับพล.อ.ประยุทธ์ ควรมาร่วมหาทางออกให้ชาติ และจุดที่พล.อ.ประยุทธ์จะแสดงความรับผิดชอบ มันเลยเวลาไปแล้ว ส่วนฝ่ายรัฐบาลที่แถลงออกมานั้น ก็ว่ากันไปเถอะ ตนไม่ได้เป็นเช่นนั้น และสำคัญที่สุดถ้าการจัดการพล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีข้อเท็จจริง ก็ไม่มีใครเข้าร่วม แต่ถ้ามีข้อเท็จจริงว่า เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะที่ตัวนายกฯ มิฉะนั้นบ้านเมืองจะเดินต่อไปข้างหน้าไม่ได้ จึงรวมผู้คนให้มาหารือกันว่า สิ่งที่เราคิดนี้ถูกต้องหรือไม่ ต้องไปสำแดงพลังกันในสนามการต่อสู้ ซึ่งจะเริ่มต้นตามลำดับ วันนี้ถึงจุดปลายชีวิตแล้ว ควรชวนทุกฝ่ายวางเรื่องตัวเองไว้ก่อน เพื่อมาจัดการการตระบัดสัตย์ การทรยศ ฉ้อฉล การปลิ้นปล้อนหลอกลวงกันนี้ ถ้าประชาชนไม่ลุกฮือตื่นขึ้นมา เราไม่มีวันแก้ไขปัญหาชาติได้