นายกฯ เผยมติ “สมช.” ส่ง รมว.กลาโหม บินด่วนจันทบุรีถก GBC 27 ธ.ค. นี้ ลั่นไทยเป็นฝ่ายเสนอหยุดยิง 72 ชั่วโมงแลกปล่อยตัวทหารกัมพูชา ย้ำเป้าหมายกองทัพบรรลุอธิปไตยในพื้นที่ทับซ้อนแล้ว พร้อมใช้กฎการปะทะโต้กลับทันทีหากอีกฝ่ายตลบตะแลงไม่รักษาคำพูด
เมื่อเวลา 17.15 น. วันที่ 26 ธ.ค.68 ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม สมช. ว่า การประชุมในวันนี้ นอกจากจะเป็นการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติแล้ว ยังถือเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน โดยที่ประชุมมีมติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ ที่จังหวัดจันทบุรี
นายอนุทิน กล่าวว่า การหารือดังกล่าวจะยังคงอยู่ภายใต้กรอบของปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งประกอบด้วยหลักการสำคัญ 4 ข้อ โดยหากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศสามารถตกลงกันในแนวทางที่ยอมรับได้ร่วมกัน ส่วนของเอกสารที่จะมีการลงนามนั้น จะเรียกชื่อว่าอย่างไรไม่ใช่สาระสำคัญ แต่หัวใจสำคัญอยู่ที่การไม่รุกราน ไม่ยั่วยุ และการลดความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
ทั้งนี้ พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการจีบีซี ได้หารือในรายละเอียดมาเป็นเวลา 2 วันแล้ว และได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบถึงแนวโน้มที่เป็นไปในทิศทางที่ดี หากเป็นไปตามแนวทางดังกล่าว ก็น่าจะสามารถหาข้อยุติที่เหมาะสมได้ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยยังคงดำรงไว้ซึ่งอธิปไตย และสถาปนาบูรณภาพแห่งดินแดนตามเป้าหมายที่กองทัพได้กำหนดไว้
เมื่อถามว่า ประเทศไทยสามารถยอมรับข้อตกลงหยุดยิงเป็นระยะเวลา 72 ชั่วโมงได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นข้อกำหนดที่ประเทศไทยเป็นฝ่ายเสนอให้กัมพูชายอมรับ และหากสามารถดำเนินการได้ตามข้อตกลง ประเทศไทยก็จะพิจารณาปล่อยทหารที่อยู่ภายใต้การควบคุมตัว
เมื่อถามต่อถึงประเด็นความไว้วางใจต่อฝ่ายกัมพูชา นายอนุทิน กล่าวว่า ประเทศไทยมีความพร้อม และคำถามสำคัญในวันนี้ไม่ใช่เพียงว่าอีกฝ่ายจะรักษาสัญญาได้หรือไม่ แต่ต้องดูว่าประเทศไทยได้รับสิ่งที่ต้องการในเบื้องต้นแล้วหรือยัง ซึ่งกองทัพได้รายงานว่าบรรลุเป้าหมายในการประกาศบูรณภาพแห่งดินแดนแล้ว เมื่อสามารถควบคุมพื้นที่ต่าง ๆ ที่เคยไม่อยู่ภายใต้อธิปไตยของไทยได้ ก็สามารถเข้าสู่การเจรจาได้
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า สำหรับร่างข้อตกลงฉบับล่าสุด ตนได้สอบถามไปแล้วว่าฝ่ายกัมพูชาได้รับทราบและเห็นชอบหรือไม่ ซึ่งได้รับรายงานว่านี่เป็นร่างล่าสุดที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน และให้นับผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
เมื่อถามว่า นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ให้ความเห็นชอบต่อร่างข้อตกลงดังกล่าวแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การเจรจาครั้งนี้ถือเป็นการพูดคุยในระดับตัวแทนรัฐบาล ยังไม่ทราบว่าฝ่ายกัมพูชาได้รับความเห็นชอบจากระดับใด แต่หากมีการลงนามโดยตัวแทนรัฐบาลในวันที่ 27 ธันวาคม ขอให้มั่นใจว่าประเทศไทยจะรักษาข้อตกลงอย่างเคร่งครัด และหวังว่าการลงนามครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อให้เกิดสันติภาพอย่างยั่งยืน และประชาชนในพื้นที่จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
เมื่อถามถึงกรณีระหว่างการหยุดยิง 72 ชั่วโมง หากเกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดอีก นายอนุทิน กล่าวว่า กองทัพมีหน้าที่ต้องรักษาอธิปไตยของประเทศ การเจรจาก็ต้องดำเนินควบคู่กันไป หากมีข้อตกลงก็ต้องมีกรอบเวลาที่ชัดเจน โดยที่ผ่านมาเมื่อมีการลงนามแล้ว แต่หยุดยิงล่าช้าถึง 6 ชั่วโมง ตนไม่ยอมรับ ดังนั้น หากมีการลงนามในครั้งนี้ จะต้องหยุดยิงทันที ณ เวลานั้น และทั้งสองฝ่ายต้องสั่งการให้เป็นไปตามข้อตกลง
เมื่อถามย้ำว่า ไทยเชื่อใจกัมพูชาได้หรือไม่ นายอนุทินไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว
เมื่อถามต่อว่า ได้มีการพูดคุยกับนายฮุน มาเนต โดยตรงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ระลอกล่าสุด ยังไม่ได้พูดคุยกัน เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยแล้วแต่ไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ โดยการพูดคุยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในวันที่ 26 ต.ค. ระหว่างการลงนามปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งพยายามจะผลักดันให้ทุกอย่างเป็นไปตามข้อตกลง แต่เมื่อเกิดการสะดุดขึ้น จึงต้องกลับมาทบทวนใหม่ โดยขณะนี้เป็นการพูดคุยผ่านคณะกรรมการจีบีซีและเจบีซีเป็นหลัก
เมื่อถามย้ำว่า หากในช่วงเวลา 72 ชั่วโมงมีการยิงมาจากฝั่งกัมพูชา ไทยสามารถตอบโต้ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ประเทศไทยยังคงใช้กฎแห่งการปะทะเป็นกรอบการปฏิบัติ ซึ่งเป็นกลไกที่ทำให้กองทัพสามารถรักษาอธิปไตยและปกป้องดินแดนของประเทศได้อย่างเต็มที่ พร้อมย้ำว่าประชาชนไม่ต้องกังวล



















