วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWSโพลชี้เด็กอายุไม่เกิน15ปี ก่อคดีอาชญากรรมร้ายแรงเพิ่มขึ้น
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

โพลชี้เด็กอายุไม่เกิน15ปี ก่อคดีอาชญากรรมร้ายแรงเพิ่มขึ้น


ซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจ เรื่องอาชญากรในเด็ก พบเด็กอายุไม่เกิน15ปี ก่อคดีอาชญากรรมร้ายแรงเพิ่มขึ้น ประชาชนหนุนให้แก้ก.ม.เอาผิดเด็กอายุน้อย ก่อเหตุร้ายแรง เช่นฆ่าคน ข่มขืน

เมื่อวันที่ 21 ม.ค.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง อาชญากรในเด็ก กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศอายุ 18 ปีขึ้นไป
ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวน 1,095 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 17 – 20 มกราคม พ.ศ.2567 พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.9 ระบุ เด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี ก่อคดีอาชญากรรมร้ายแรงเพิ่มขึ้นจริงมีเพียงร้อยละ 3.1 ไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.4 ระบุไม่เคยโดนเด็กและเยาวชนข่มขู่คุกคามให้หวาดกลัว มีเพียงร้อยละ 5.6 เท่านั้นที่เคยโดนกับตัวเอง


ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.3 เห็นด้วยต่อการแก้ไขกฎหมายให้เอาผิดเด็กอายุน้อยกรณีทำผิดคดีอาญาร้ายแรง เช่น ข่มขืน การฆ่าคน เป็นต้น ในขณะที่ ร้อยละ 24.7 ไม่เห็นด้วย เมื่อถามถึงหน่วยงานรัฐที่เป็นเจ้าภาพหลักแก้ไขกฎหมายเอาผิดเด็กอายุน้อยกรณีทำผิดคดีอาญาร้ายแรง เช่น ข่มขืน การฆ่าคน เป็นต้น พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.0 ระบุให้รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำเป็นเจ้าภาพหลักแก้ไขกฎหมายเอาผิดเด็กอายุน้อยกรณีทำผิดคดีอาชญาร้ายแรง รองลงมาหรือร้อยละ 9.3 ระบุกระทรวงยุติธรรม ร้อยละ 7.2 ระบุสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และร้อยละ 7.2 เท่ากันระบุกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และร้อยละ 10.3 ระบุอื่น ๆ เช่น ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และอื่น ๆ เป็นต้น รายงานของซูเปอร์โพล ระบุว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมายเปลี่ยนแปลงการลงโทษเด็กอายุน้อยที่ก่อคดีอาญาร้ายแรงแต่ส่วนน้อยที่เคยโดนเด็กอายุน้อยมาข่มขู่คุกคามให้ตัวเองหวาดกลัว

อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่เห็นว่ารัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีควรเป็นเจ้าภาพหลักนำสู่การเปลี่ยนแปลงในการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดคดีอาญาร้ายแรงนี้โดยเสนอให้มีการจัดตั้งคณะทำงานศึกษาความเป็นไปได้ในการแก้ไขกฎหมายคุ้ม ครองเด็กและที่เกี่ยวข้องนี้ขึ้น เพราะการเพิ่มโทษเอาผิดที่รุนแรงขึ้นอาจจะไม่ได้แก้ปัญหาเสมอไป การแก้ไขกฎหมายที่ทำให้เกิดการเสริมสร้างการขัดเกลาทางสังคมผ่านคนในครอบครัว คนใกล้ชิด เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดี การเปิดพื้นที่ให้โอกาสนำเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิดมาเปลี่ยนแปลงตนเองกลายเป็นคนดีมาเป็นพลังสำคัญ ของสังคมน่าจะเป็นการแก้ไขกฎหมายที่ดีได้

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

ว่าด้วยเรื่อง พัฒนา“พุทธมณฑล”

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img