“สุริยะ” ขนทัพ ”คมนาคม“ เยือนจีน 6-15 พ.ค. นี้ ร่วมประชุมโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ลุยเร่งรัดก่อสร้างระยะที่ 2 โคราช-หนองคาย ดันไทยศูนย์กลางการเดินทาง-ขนส่งสินค้าอย่างไร้รอยต่อ พร้อม Roadshow โปรเจกต์ “แลนด์บริดจ์” ดึงนักลงทุนชาวจีนลงทุนไทย
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 6 -15 พฤษภาคม 2567 มีกำหนดเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย – จีน ครั้งที่ 31 และการประชุมหารือด้านการคมนาคมขนส่งกับหน่วยงานภาครัฐของจีน โดยในการประชุมครั้งดังกล่าว จะมีปลัดกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้องร่วมคณะเดินทาง และเข้าร่วมประชุมด้วย
ทั้งนี้ การประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย – จีน ครั้งที่ 31 จะจัดการประชุมขึ้นในวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 เพื่อติดตามเร่งรัดการดำเนินการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงภูมิภาค และผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ – หนองคาย ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร ให้ดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนงาน และสามารถเปิดใช้ได้ในระยะเวลาที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ จะเร่งรัดการก่อสร้างในระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา – หนองคาย ระยะทาง 356 กิโลเมตร ให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด ซึ่งในปัจจุบันได้ออกแบบงานโยธา และจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วเสร็จและเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับการประชุมความร่วมมือครั้งที่ 31 นั้น จะมีการการจัดทำรายงานผลดำเนินงานความคืบหน้าของโครงการ และแนวทางการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานเพื่อให้โครงการรถไฟความเร็วสูงแล้วเสร็จโดยเร็ว สามารถรองรับการใช้งานของประชาชนได้อย่างสมบูรณ์ และมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างศักยภาพระบบราง พัฒนาโครงข่ายเส้นทางการคมนาคมของประเทศไทยเชื่อมโยงสู่เมืองหลัก อีกทั้ง เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้า และการเดินทางของภูมิภาคอย่างไร้รอยต่อ รองรับการขยายตัวของจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงปริมาณผู้ใช้บริการที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย – จีน ครั้งที่ 31 นั้น ยังมีกำหนดการ Roadshow เชิญชวนนักลงทุนชาวจีน ร่วมลงทุนในโครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย – อันดามัน (ชุมพร – ระนอง) หรือแลนด์บริดจ์ ซึ่งจะเป็นช่องทางการค้าแห่งใหม่เพื่อใช้เป็นเส้นทางขนถ่ายสินค้าหลักระดับภูมิภาคและจะเป็นประตูสู่ภูมิภาคเอเชีย และช่วยลดระยะเวลาการขนส่งทางทะเล ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ในพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมือง อีกทั้งจะช่วยให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่ให้เป็นศูนย์กลางการค้าด้วย
นอกจากนี้ ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 มีกำหนดการหารือร่วมกับผู้บริหารท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง และเยี่ยมชมท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเยี่ยมชมระบบการบริหารจัดการรถบรรทุก พร้อมทั้งเยี่ยมชมท่าเรือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Port) รวมถึงประชุมหารือกับผู้บริหารสถานีรถไฟเซี่ยงไฮ้ และเยี่ยมชมระบบควบคุมการจราจรด้านระบบราง เพื่อนำข้อมูลแนวทางการดำเนินการต่าง ๆ มาพัฒนาและประยุกต์ใช้กับการคมนาคม ขนส่ง โลจิสติกส์ของประเทศไทยต่อไป