ตลาดหุ้นไทยปิดร่วง 1.52 จุด ถูกแรงกดดันจากหุ้น EA อาจกระทบต่อการตั้งสำรองหนี้ของกลุ่มแบงก์ที่เป็นเจ้าหนี้ สำหรับแนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดดัชนีแกว่งออกด้านข้างซึมตัว โดยให้กรอบแนวรับ 1,310 จุด แนวต้าน 1,325 จุด
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,319.79 จุด ลดลง 1.52 จุด หรือ -0.12% มูลค่าการซื้อขาย 46,557.81 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ช่วงเช้าดัชนีปรับตัวขึ้นมาจากแรงหนุน บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และบมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ประกาศควบรวมกิจการ ดันราคาหุ้น ADVANC-THCOM ปรับตัวขึ้นตามมาด้วย รวมทั้งมีแรงซื้อเก็งกำไร DELTA ช่วยประคองตลาด
แต่มาในช่วงบ่ายดัชนีปรับตัวลงมา โดยยังถูกแรงกดดันจากหุ้น บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ร่วงติดฟลอร์เป็นวันที่ 2 ซึ่งมีผลกับดัชนีประมาณ 0.8 จุด และปัญหาที่เกิดขึ้นกับ EA ยังกระทบให้เกิดความกังวลการตั้งสำรองหนี้ของกลุ่มแบงก์เจ้าหนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะที่ภาพรวมตลาดหุ้นเอเชีย ตลาดหุ้นญี่ปุ่นและไต้หวันมีแรงขายในกลุ่มเทคโนโลยีออกมา เนื่องจากกังวลว่าหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอาจทำให้สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐรุนแรงมากขึ้น โดยทรัมป์ระบุว่าสหรัฐอาจมีมาตรการเก็บภาษีบริษัทญี่ปุ่นที่อนุญาตให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยี นอกจากนี้ ยังระบุว่าไต้หวันควรจ่ายค่าคุ้มครองดินแดนให้กับสหรัฐ ส่งผลให้หุ้น TSMC ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของไต้หวันร่วงลงวันนี้
สำหรับแนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดดัชนีแกว่งออกด้านข้างซึมตัว แนะติดตามราคาหุ้น EA หากร่วงฟลอร์ที่ 3 จะมีแรงซื้อเข้ามาหรือไม่ โดยประเมินสถานการณ์ของ EA คงต้องหา Strategic Partner เข้ามา รวมทั้งติดตามว่าจะผิดนัดชำระหนี้เงินกู้และหุ้นกู้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นมองว่าธุรกิจของ EA ยังเดินหน้าต่อไปได้ แต่อาจมีปัญหาด้านความเชื่อมั่น รวมทั้งแผนการออกหุ้นกู้ชุดใหม่อาจต้องเลื่อนออกไปหลังจากถูกปรับลดเครดิตเรทติ้งมาเป็น Junk Bond ทั้งนี้หาก EA มีข่าวดีอาจหนุนให้ราคาหุ้นดีดขึ้นได้
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ยังต้องติดตามความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐ หลังดัชนีดาวโจนส์ ดัชนี Nasdaq และดัชนี S&P500 เคลื่อนไหวไม่สอดคล้องกัน โดยให้กรอบแนวรับ 1,310 จุด และแนวต้าน 1,325 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 6,141.58 ล้านบาท ปิดที่ 79.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 4,796.64 ล้านบาท ปิดที่ 224.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 4,062.78 ล้านบาท ปิดที่ 45.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 3,608.12 ล้านบาท ปิดที่ 94.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,435.48 ล้านบาท ปิดที่ 57.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท