“จุลพันธ์”รับอาจมีการเปลี่ยนรายละเอียด “ดิจิทัลวอลเล็ต” มั่นใจถูกใจประชาชน มั่นใจ ‘แพทองธาร’ ตั้งรัฐบาลทัน กรอบงบฯ 67
เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 67 ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว กรณีโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ที่จะมีการปรับเปลี่ยนเป็นเงินสด โดยการเติมเงินลงในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่า มีการพูดคุยกันในพรรคจริง แต่ตนคงไม่อธิบายอะไรให้มันลึกเกินไป เพราะต้องให้เกียรติการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาล วันนี้ได้รับการถามไถ่จากพรรคร่วมว่าเมื่อไหร่จะมานั่งคุยกันสักทีในการทำแนวนโยบายแห่งรัฐ เนื่องจากครั้งที่แล้วก็มีการประชุมกัน โดยการนำนโยบายของตนเองมากลางในที่ประชุม และมาพูดคุยว่านโยบายดังกล่าวจะดำเนินการไปได้มากน้อยแค่ไหน ในกรอบของงบประมาณ ฯ ที่มีอยู่
เมื่อถามว่า มีกระแสว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท จะให้กลุ่มเปราะบางก่อนในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังมีหลายแนวความคิด แต่ตนยังไม่ตอบ แต่ในกลไกยังเชื่อมั่นในโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ว่าจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่รูปแบบอาจจะมีการปรับเปลี่ยนในบางส่วนเพื่อให้เกิดความแน่ใจ ทั้งนี้ ประเด็นที่ 1 แม้รัฐมนตรีชุดก่อนหน้านั้น ได้มีมติออกไปแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่ง เปลี่ยนแปลง ฉะนั้น การเดินหน้าโครงการ การปรับเปลี่ยนหรือการเตรียมความพร้อมก็ยังคงเดินหน้าต่อไป ส่วนประเด็นที่ 2 เมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่แล้ว การแถลงนโยบายต่อสภา ฯ อย่างเป็นทางการแบบครบถ้วน หากมีการปรับเปลี่ยนอะไร เชื่อว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนที่เป็นประโยชน์และถูกใจประชาชนมากขึ้น สำคัญที่สุดคือประเด็นใดที่ยังมีข้อห่วงใยเรื่องกฎหมาย เราต้องพยายามปรับแก้ สิ่งนี้ยืนยันว่าจะทำให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้ ให้เศรษฐกิจระยะสั้นดำเนินการโดยเร็วที่สุด
ส่วนกระแสข่าวการแจกให้กับกลุ่มเปราะบาง ที่ลงทะเบียนไว้ก่อนเป็นอันดับแรก วงเงิน 122,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 เพิ่มเติม และเป็นการแจกเป็นเงินสด ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจนในครั้งเดียว จำนวน 10,000 บาทนั้น นายจุลพันธ์ระบุว่า ขณะนี้ ยังมีหลายแนวคิด แต่ยังไม่ขอตอบในรายละเอียด แต่ยืนยันว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยรูปแบบอาจจะต้องปรับเปลี่ยนในบางส่วน เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ซึ่งเป็นรูปแบบที่คณะรัฐมนตรีชุดนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี กำหนดรูปแบบไว้ ได้มีมติไปแล้ว และยังไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลง จึงยังคงเดินหน้าต่อไปตามปกติก่อน แต่เมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่ และได้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาแล้ว อาจจะมีการปรับเปลี่ยนได้ และมั่นใจว่า จะเป็นการปรับเปลี่ยนที่ถูกใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนมากขึ้น รวมถึงประเด็นข้อห่วงใยตามกฎหมายต่างๆ ก็จะต้องมีการปรับแก้เช่นกัน เพื่อให้สามารถเดินหน้าโครงการต่อไปได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นให้ได้
นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึงงบประมาณ 2567 เพิ่มเติม 122,000 ล้านบาท ที่วุฒิสภาให้ความเห็นชอบไปแล้ว และรัฐบาลจะต้องเร่งเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายใน 30 กันยายนนี้ว่า ในส่วนการจัดตั้งรัฐบาล เชื่อว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็เร่งรัดอยู่แล้วในการดำเนินการ ทั้งเรื่องการส่งชื่อตรวจที่ได้ดำเนินการไปแล้วในขณะนี้ แต่การจัดตั้งรัฐบาลรวมถึงการแถลงนโยบายจะต้องเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ทันกับกรอบงบประมาณ ปี’67 ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายนนี้ ซึ่งตนก็ได้แจ้งกับนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว และเชื่อว่าจะดำเนินการได้ทัน
