วันอังคาร, พฤศจิกายน 26, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWSกกร.ยาหอมรัฐบาลใหม่หนุนเชื่อมั่นฟื้น เตรียมยื่นสมุดปกขาวถึงนายกรัฐมนตรี
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

กกร.ยาหอมรัฐบาลใหม่หนุนเชื่อมั่นฟื้น เตรียมยื่นสมุดปกขาวถึงนายกรัฐมนตรี

“กกร.” ยันจัดตั้งรัฐบาลเบ็ดเสร็จหนุนความเชื่อมั่นฟื้น หวั่นอุทกภัยฉุดเศรษฐกิจ ชี้ที่ผ่านมาสร้างความเสียหายกว่า 8 พันล้านบาท เตรียมยื่นสมุดปกขาวให้นายกฯในเดือนนี้ 

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า กกร. ยินดีที่รัฐบาลสามารถจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ได้เร็ว พร้อมเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้ ซึ่งที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว มีโรงงานปิดตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 7 เดือนแรกกว่า 757 แห่ง มีหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง เศรษฐกิจนอกระบบมีขนาดใหญ่ ที่ประชุม กกร. จึงได้เร่งจัดทำสมุดปกขาวภายในเดือนก.ย. 2567 นี้ เพื่อนำเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอต่อรัฐบาลเพื่อพิจารณาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า

ทั้งนี้เห็นว่าครม.จัดตั้งได้เร็ว เชื่อว่ารัฐบาลแม้จะหลายพรรคแต่ก็เป็นเอกภาพ การทำงานเป็นทีมก็ต้องเร่งขับเคลื่อนและมีความหวัง โดยมาตรการที่อยากให้ขับเคลื่อนเร็วที่สุด เบื้องต้นอาจจะต้องรอสมุดปกขาวก่อน โดยจะนำเอาความประสงค์ของเอกชนทั้ง 3 ภาค มาสรุปใน กกร. ก่อนนำเสนออย่างเป็นทางการ

ส่วนการที่นายกฯ จะนั่งทีมเศรษฐกิจเองหรือไม่นั้น ก็ต้องรอให้ท่านแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอย่างเป็นทางการ แต่สิ่งที่ท่านให้เอกชนเข้าพบก็เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีในหลายสิ่ง โดยเฉพาะการฟื้นตัวของตลาดเงินและตลาดทุน 

“ภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ อยากให้ส่งผ่านเม็ดเงินให้ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเกิดความกระชุ่มกระชวยให้กับฐานรากและสร้างโอกาส สร้างอารมณ์ให้ระบบเศรษฐกิจได้ดี” 

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนหลังจากจัดตั้งคณะรัฐบาลแล้วนั้นคือ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนคนไทยก่อน และเรื่องอื่น ๆ จะตามมา

ส่วนด้านนโยบายจะต้องผลักดันคือเรื่องงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท แจกจ่ายให้ได้ก่อน เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน รวมถึงการดูแลค่าครองชีพ และการจัดการปัญหาเรื่องน้ำก็สำคัญ ขณะเดียวกันจะต้องมีการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณของปี 2567 ให้ครบถ้วน และต่อเนื่องในปี 2568 จะต้องอยู่ในกำหนดเวลา 

“ตอนนี้ในตลาดไม่มีเงินหมุนเวียนเลย ถ้ามีเงินอัดฉีดเข้าไป จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้อย่างมาก ขณะที่การกำหนดเงื่อนไขการแจกเงิน 1 หมื่นบาทนั้น เราเคยให้ข้อเสนอไปแล้วคือต้องการให้แจกกลุ่มที่เปราะบางก่อน ซึ่งกลุ่มผู้พิการก็จะรวมอยู่ในนี้ หากยังมีเงินเหลือและต้องการจะแจกให้ครบถ้วนในกลุ่มอื่น ๆ นั้นก็ต้องรอรัฐบาลแถลง พูดไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์” 

อย่างรไก็ตาม เอกชนมองว่ารัฐบาลเป็นเอกภาพพอ อีกทั้ง ยังมีจำนวนเสียงในสภาฯ ถือเป็นเสียงที่เพียงพอแล้ว ดังนั้น ในส่วนนี้จะต้องดูว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพราะเป็นส่วนที่สำคัญสุด    

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวขอเสนอรัฐบาลว่าควรต้องมีรองนายกฯ เป็นหัวหน้าทีมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากตัวอย่างที่ที่หอการค้าฯ ได้ขอเข้าหารือกับรัฐบาลในช่วงที่เกิดวิกฤติโควิด-19 อดีตรองนายกฯ สามารถพาเอกชนเดินทางเพื่อขอความช่วยเหลือจากประเทศจีนเพื่อขอให้นำผลไม้ เช่น ทุเรียนเข้าไปในช่วงโควิด ซึ่งช่วงนั้นจีนไม่ให้นำเข้าเลย แต่ด้วยสถานะรองนายกฯ ที่หารือกับระดับผู้นำประเทศด้วยกันก็สามารถสรุปได้ใน 3 วัน 

นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า หากให้เทียบคณะรัฐมนตรี ชุดปัจจุบันกับชุดที่แล้ว ชุดนี้น่าจะใสกว่า นอกจากนี้ การที่ ส.อ.ท. ได้เข้าพบกับนายกฯ ได้มีการนำเสนอในหลายเรื่อง เช่นเรื่องของค่าไฟฟ้า ซึ่งภาครัฐก็ได้สนองตอบ โดยค่าไฟฟ้าที่ภาคอุตสาหกรรมที่จะต้องจ่ายราว 3-4 หมื่นล้านบาท ก็ได้รับการจ่ายคืนแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ช่วยให้เอกชนมีกระแสเงินสดและการทำธุรกิจคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ต้องขอขอบคุณรัฐบาลด้วย

สำหรับที่ประชุม กกร. ได้มีความกังวลต่อสถานการณ์น้ำและอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนบนที่ โดยคาดว่ามูลค่าความเสียหาย สำหรับช่วงเดือนส.ค.-ก.ย.จะอยู่ที่ประมาณ 6,000-8,000ล้านบาท หรือ 0.03-0.04% ของจีดีพี ซึ่งภาคเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนในระยะถัดไปต้องติดตามพายุที่อาจจะเข้าได้ช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.นี้ ถือเป็นความเสี่ยงต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติม

อีกทั้ง ที่ประชุมมีความกังวลต่อสถานการณ์น้ำและอุทกภัยที่เกิดขึ้น เป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติม นอกเหนือจากอุปสงค์ภายในประเทศของไทยยังอ่อนแรงสะท้อนจากการลงทุน แม้รัฐจะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณลงทุน ทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเติบโตเฉลี่ยได้กว่า 20% ในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค.ที่ผ่านมา แต่เศรษฐกิจไตรมาส 2/2567 ยังชะลอตัว

โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนหดตัวมากถึง 6.8% เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในประเทศลดลงถึง 24% ส่วนการลงทุนในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มชะลอ สะท้อนความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่ปรับลดลงต่อเนื่อง กกร.จึงยังคงคาดการณ์อัตรการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยอยู่ที่ 2.2-2.7%

ดังนั้น จึงมีมติให้จัดตั้งคณะทำงานย่อยจัดทำข้อเสนอด้านการบริหารจัดการน้ำ เพื่อเสนอต่อภาครัฐ โดยเน้นการวางแผนระยะยาวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมซ้ำรอยเหมือนปี 2554 เน้นการพัฒนาแหล่งน้ำและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำทั่วประเทศ เพื่อให้การบริหารน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากน้ำท่วม และเพิ่มศักยภาพในการกักเก็บน้ำ

อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง สหรัฐส่งสัญญาณพร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากอาจเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ค่าระวางเรือยังสูงกว่าภาวะปกติ 3 เท่าตัวเป็นปัจจัยลบต่อการค้าโลก แต่การส่งออกของไทยในเดือนก.ค.เติบโตถึง 15.2% จากแรงหนุนของวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ของโลก และคาดว่าทั้งปีไทยจะส่งออกได้ 1.5-2.5% สูงกว่าประมาณการเดิมคาดไว้ที่ 0.8-1.5% แต่การเติบโตดังกล่าวยังกระจุกตัวอยู่เฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ได้เป็นการเติบโตในวงกว้าง

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img