กัดไม่ปล่อย! “เด็จพี่” หอบหลักฐาน “บิ๊กป้อม” ลาประชุมสภาจี้ “วันนอร์” เข้าข่ายจงใจขาดประชุมเป็นฉากบังหน้าหรือไม่ ถามไปเชียร์วอลเลย์บอล-เปิดบ้านป่าแฮปปี้เบิร์ธเดย์เป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ จ่อร้องป.ป.ช. สอบต่อ ตะเพิดลาออก ดันคนรุ่นใหม่ทำงานแทน
วันที่ 25 ก.ย.2567 เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือพร้อมหลักฐานให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประสภาผู้แทนราษฎร เพื่อสอบจริยธรรมพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กรณีไม่มาประชุมสภาฯ ว่า การมายื่นขอให้ตรวจสอบวันลา มาขาดของ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้มีอคติ หรือมีเจตนาจะใส่ร้ายป้ายสี แต่พฤติกรรมเช่นนี้ถือว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติหน้าที่สส. ซึ่งกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน จึงขอใช้สิทธิตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 40(2)ออกมาปกป้องผลประโยชน์ของรัฐยื่นตรวจสอบการทำหน้าที่สส.ของพล.อ.ประวิตรว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับของสภา รวมถึงการปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า จากข้อมูลวันลา มา ขาดในการเข้าประชุมสภาที่ได้มาจากสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.66 จนถึงปัจจุบัน พบว่าพล.อ.ประวิตรลงชื่อมาประชุมโดยใช้บัตรลงทะเบียน 11 ครั้ง ลาป่วย 1 ครั้ง ลากิจ 83 ครั้ง รวมวันขาดประชุมโดยน่าจะใช้การลาเป็นฉากบังหน้าทั้งหมด 84 ครั้ง จากวันประชุมรวม 95 ครั้ง ที่สำคัญมีอยู่หนึ่งสมัยประชุม พล.อ.ประวิตร ลาทั้งสมัยประชุมฯครบ 100 เปอร์เซน คิดเหน 88.42 % โดยอ้างเหตุผล”ติดภารกิจ” ซึ่งการลาแบบนี้น่าจะถือเป็นการลาที่น่าจะมีเจตนาพิเศษ น่าจะเป็นการจงใจขาดประชุมโดยใช้ “การลาเป็นฉากบังหน้า” และน่าจะมีการใช้อำนาจแทรกแซงเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อดำเนินการอย่างเป็นระบบ เป็นการกระทำที่ขัดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ว่าสส.จะขาดประชุมได้ไม่เกิน 1 ใน 4 ของจำนวนวันประชุมในสมัยประชุมและข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสส.ที่ระบุว่าสส.ต้องอุทิศเวลาให้กับการประชุม ต้องไม่ขาดการประชุมโดยไม่จำเป็น เว้นแต่เจ็บป่วยหรือมีเหตุสุดวิสัย
“ผมพบข้อมูลว่าในวันที่พล.อ.ประวิตร แจ้งลาติดภารกิจ ไม่เข้าประชุมสภา บางวันก็ไปนั่งเชียร์วอลเลย์บอลผ่านออนไลน์ เปิดบ้านป่ารอยต่อให้คนไปอวยพรวันเกิด ผมขอถามหน่อยว่าอวยพรตอนกลางคืนไม่ได้หรอ และอีกหลายๆวันก็พบว่าลาเพื่อไปประชุมพรรคแบบนี้เขาเรียกว่าเหตุสุดวิสัยหรือไม่ ที่สำคัญการขาดประชุมโดยใช้การลาน่าจะเป็นฉากบังหน้า ลาติดต่อกันทั้งสมัยประชุมฯ ถือได้ว่าพล.อ.ประวิตรขาดสมาชิกภาพการเป็นสส.แล้ว ผมหวังว่ากรรมการจริยธรรมฯจะตรวจสอบเรื่องนี้แบบตรงไปตรงมา ไม่ช่วยเหลือให้พ้นผิดจนเสียเกียรติภูมิของสภาฯ”นายพร้อมพงศ์กล่าว
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า ยิ่งในวันที่ลงชื่อมาประชุม ยิ่งน่าสงสัย เพราะจากการตรวจสอบกับเพื่อน สส.หลายคน รวมถึงคนระดับประธานวิปรัฐบาล พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยเห็นพล.อ.ประวิตร มาอยู่ในห้องประชุมเลย แต่กลับมีคนเห็นลับๆล่อๆที่ห้องหลังบัลลังก์ประธานสภาในบางครั้ง
“ผมทราบจากแหล่งข่าวว่าการมาประชุมสภาของพล.อ.ประวิตรเป็นเหมือนเหยี่ยวคือ โฉบรถมาเซ็นชื่อชนิดที่ไม่ต้องลงจากรถจริงหรือไม่ แถมมีคนเอาบัตรประจำตัวสส.ไปสแกนให้จริงหรือไม่ ซึ่งผมขอตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ก็อาจจะเป็นสส.คนใดคนหนึ่งเพราะในจุดที่สแกนบัตร คนนอกไม่สามารถเข้าไปได้เข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 ซึ่งผมจะไปยื่นเรื่องขอให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ช่วยตรวจสอบ ค้นหาความจริงเรื่องนี้ในวันศุกร์นี้”นายพร้อมพงศ์กล่าว
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า การที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่าตนไม่มีอะไรมาตรวจ พวกตนเป็นยามเฝ้าสภาฯหรืออย่างไรถึงมาตรวจสอบการทำหน้าที่ของพล.อ.ประวิตร ซึ่งตนไม่ได้เป็นยาม เพราะสภาฯมีระบบในการตรวจสอบอยู่แล้ว
“ผมขอเรียกร้องและวิงวอน ถ้าลาแบบนี้ ลาโดยใช้วิธีพิเศษที่น่าจะไม่เป็นวิธีการปกติทางกฎหมาย ลาออกเถอะ ลาออกจากความเป็นสส. แล้วเลื่อนคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในลำดับถัดไปให้มาทำหน้าที่ เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติสง่างาม อยากให้ท่านออกมาแถลง อย่ามาตอบโต้ หรืออย่ามาฟ้องพวกผม เสียเวลา ฟ้องมาผมฟ้องกลับ ไม่กลัวอยู่แล้ว ผมพร้อมที่จะปกป้องหากประชาชนเสียผลประโยชน์ ที่นายไพบูลย์บอกจะฟ้องผม รีบด้วยนะครับ เพราะฟ้องมาผมจะฟ้องกลับ แจ้งความเมื่อไหร่ ผมจะแจ้งความกลับวันนั้น และจะแจ้งพล.อ.ประวิตรด้วย เพราะมอบหมายมาในข้อหาแจ้งเท็จ รวมถึงเรื่องหมิ่นประมาทด้วย“ นายพร้อมพงศ์ กล่าว