“ชูศักดิ์” เมิน “ธีรยุทธ” ยื่นยุบ “พท.” เหตุไกลกว่าเหตุมาก ยันพรรคไม่มีเรื่องจะไปเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ระบอบประชาธิปไตย แนะให้ไปอ่านคำร้องจะรู้ว่าพรรคไหนอยู่เบื้องหลัง
เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ สั่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย เลิกใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่า ประเด็นการยื่นคำร้องตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ เป็นคำที่บัญญัติขึ้นเทียบความผิดประเภทนี้เท่ากับกบฎ เป็นการร้องขอเพื่อให้เลิกกระทำ หากดูจากคำร้อง 6 ข้อที่ร้องมา ตนมองว่าไกลกว่าเหตุ ที่จะเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งมีสองคำซ้อนกันอยู่ คือล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย และบวกด้วยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งในคำร้องมีความพยายามบรรยายให้เข้าเกณฑ์คำวินิจฉัยของพรรคก้าวไกล ว่าเป็นการกัดเซาะบ่อนทำลาย ซึ่งมันไกลกว่าเหตุมาก พร้อมกับมองว่ามันเป็นคนละเรื่องคนละเรื่องคนละราวกัน
อย่างการแก้รัฐธรรมนูญ ปี 2550 นายทักษิณอยู่ต่างประเทศ ก็ได้แนะนำมาผ่านคณะทำงานว่าหากจะแก้หมวด 1 หมวด 2 ห้ามแตะนี่ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด และเมื่อถึงรัฐบาลนี้และรัฐบาลที่แล้ว ก็มีความชัดเจนว่าไม่แก้หมวด 1 หมวด 2 จึงชัดเจนว่าเรายึดมั่นอยู่ในจุดใด และพรรคเพื่อไทย ไม่มีเรื่องจะไปเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ระบอบประชาธิปไตย
“คำร้องที่มีการเขียนว่าร่วมมือกับฝ่ายค้านในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนจึงอยากจะตั้งคำถามว่าในการร่วมมือกันในการทำกฎหมายผิดอะไร อย่างการแก้จริยธรรมให้มีความชัดเจนขึ้นไม่ใช่การยกเลิก แต่เป็นการตีความให้ความชัดเจนขึ้น และเป็นผลดีกับประชาธิปไตย และเห็นว่าเป็นการเอื้อให้กับอดีตนายกฯทักษิณ ตรงไหน”นายชูศักดิ์ กล่าวและว่า โดยรวมตนคิดว่าไม่น่าวิตกกังวลอะไรเพราะยึดมั่นมาแบบนี้ตลอด ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่เคยห่างไปจากนี้ ส่วนจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาชี้แจงหรือไม่ ต้องรอดูว่าศาลรธน.จะรับคำร้องหรือไม่ หากรับคำร้องก็คงจะเรียกไปชี้แจงซึ่งตนก็ยินดี เพราะพรรคมีคณะทำงานชี้แจงอยู่แล้ว ยืนยันว่า เราไม่ได้มีพฤติกรรมอะไรและเรื่องครอบงำตัวอย่างชัดเจนที่สุด
เมื่อถามย้ำว่า การยื่นคำร้องดังกล่าวมีนัยอะไรหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมาระบุว่าเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่อยากคิดไปไกล ตอนนี้ต้องคิดเพียงว่าหากศาลรัฐธรรมนูญรับก็ชี้แจงไป ส่วนเรื่องนี้มีเบื้องหลังหรือไม่ นั้นเบื้องหลังอยู่ที่ความขัดแย้ง เพราะข้อหนึ่งในคำร้องระบุว่านายทักษิณอยู่เบื้องหลัง ในการเอาพรรคพลังประชารัฐออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล มันก็เป็นการเมืองมีเบื้องหลังอยู่แล้ว ส่วนพรรคการเมืองที่อยู่ในคำร้องเป็นผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ ให้ดูในคำร้อง หากดูจากคำร้องก็จะเห็น.