“เทพไท”เย้ย “เพื่อไทย” หนีไม่พ้น ใช้ทักษิณหาเสียง ช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครนายกอบจ.ของพรรค เหตุเพราะสส.ในพรรคเป็นดาวเคราะห์ไม่มีแสงในตัวเอง
เมื่อวันที่ 9 พ.ย.นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.ประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
เพื่อไทย หนีไม่พ้น ใช้ทักษิณหาเสียง
เมื่อมีข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร จะลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครนายกอบจ.ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ออกมายืนยันว่า เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ และมั่นใจว่าจะส่งผลต่อการตัดสินใจของประชาชน ในการเลือกผู้สมัครนายกอบจ.ในนามพรรคเพื่อไทยทุกคน
ในเรื่องนี้จะต้องพิจารณาว่า นายทักษิณลงพื้นที่ช่วยหาเสียงนายกอบจ. ในฐานะอะไร ถ้าลงหาเสียงในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็ต้องไปตรวจสอบดูว่า ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้วหรือยัง ถ้าจะหาเสียงในฐานะผู้ช่วยหาเสียง จะต้องได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยหาเสียงด้วย และต้องยื่นรายชื่อผู้ช่วยหาเสียงต่อคณะกรรมการเลือกตั้งเสียก่อน แต่ยังไงก็ตามน่าจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย คงรู้ระเบียบการเลือกตั้งนายกอบจ.เป็นอย่างดี และคงไม่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น
การที่นายทักษิณลงพื้นที่ จังหวัดอุดรธานี เพื่อหาเสียงให้กับผู้สมัครนายกอบจ.ของพรรคเพื่อไทย เป็นสัญญาณว่าในการเลือกตั้งนายกอบจ.ครั้งนี้ มีการแข่งขันกันสูงระหว่างผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยกับผู้สมัครของพรรคประชาชน ถึงขั้นต้องเอาผู้นำจิตวิญญาณอย่างนายทักษิณลงพื้นที่หาเสียงเพื่อเรียกคะแนนนิยม เพราะส.ส. ของพรรคเพื่อไทยแต่ละคนส่วนใหญ่จะเป็นดาวเคราะห์ ไม่มีแสงในตัวเอง ที่ได้มาเป็นส.ส.ก็อาศัยใบบุญจากนายทักษิณทั้งนั้ัน รวมถึงนางสาวแพทองธารในฐานะหัวหน้าพรรค ก็ไม่มีบารมีมากพอที่จะเรียกคะแนนนิยมจากประชาชนได้ แม้ว่าจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ก็ตาม แต่ไม่ได้ช่วยให้สถานะความเป็นผู้นำทางการเมืองเพิ่มขึ้นเลย ยิ่งอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนานเท่าไหร่ เสียงวิพากษ์วิจารณ์และข้อบกพร่องก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนคนทั้งประเทศส่ายหน้า และรู้สึกอับอายเมื่อพูดกับคนต่างชาติว่า ผู้นำของประเทศคือนางสาวแพทองธาร
การเลือกตั้งผู้บริหารระดับท้องถิ่นแตกต่างกับการเลือกตั้งในระดับชาติ ที่มีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเดิมพัน แต่การเลือกตั้งนายกอบจ. ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น 1.ความเป็นบ้านใหญ่ 2.เป็นผู้มีอิทธิพลในระดับท้องถิ่นนั้นๆ 3.ผู้มีบารมีการสร้างเครือข่ายทางการเมือง 4.จัดตั้งหัวคะแนนและแกนนำครอบคลุมทุกพื้นที่ 5.มีการระดมกระสุนได้มากกว่าการสร้างกระแส
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ซึ่งจำเป็นต้องใช้นายทักษิณมาช่วยหาเสียง ตามแนวทางการเมืองระดับท้องถิ่น และเชื่อว่าเมื่อนายทักษิณลงพื้นที่หาเสียงให้กับผู้สมัครนายกอบจ.อุดรธานีของพรรคเพื่อไทย น่าจะมีผลต่อคะแนนเสียงพอสมควร ซึ่งเป็นเรื่องที่คู่แข่งอย่างผู้สมัครนายกอบจ.ของพรรคประชาชน จะต้องแก้เกมกันใหม่ โดยมีกระแสข่าวว่าจะให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลมาช่วยหาเสียง ซึ่งอาจจะเรียกคะแนนนิยมได้บ้าง แต่ไม่มากเท่ากับการหาเสียงเลือกตั้งระดับชาติอย่างแน่นอน
จะเห็นได้ว่า พรรคเพื่อไทยคือพรรคของนายทักษิณและครอบครัวชินวัตรจริงๆ ในที่สุดก็หนีไม่พ้น ต้องใช้บริการให้นายทักษิณช่วยหาเสียงอีก