รัฐเตรียมออก 5 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยปลายปี 67พ่วงต่อยาวในปี 68 หวังเพิ่มรายได้ -ลดรายจ่าย- การแก้ปัญหาหนี้สิน-กระตุ้นลงทุน
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเห็นชอบแผนขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นและระยะยาว โดยมีเป้าหมายเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย การแก้ปัญหาหนี้สินและกระตุ้นลงทุน
ซึ่งมีเป้าหมายระยะสั้นให้เศรษฐกิจเติบโตเต็มประสิทธิภาพ โดยกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี 2567 ถึงปี 2568 ให้ต่อเนื่อง โดยการสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่การบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสประกอบอาชีพ
ขณะที่แผนระยะยาวนั้น จะเพิ่มศักยภาพการเติบโตเศรษฐกิจ รวมถึงปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและพัฒนาเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างพื้นที่เศรษฐกิจใหม่และการบูรณาการด้านเทคโนโลยี เพื่อต่อยอดภาคการผลิต ภาคการเกษตรและการบริการ รวมถึงปรับโครงสร้างหนี้และการเสริมสภาพคล่องให้เศรษฐกิจเติบโตยั่งยืนและมั่นคง
ทั้งนี้ แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจครอบคลุมภาคอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ภาคการเกษตร การท่องเที่ยวและบริการ และการกระตุ้นการบริโภาคภาคเอกชนมีทั้งหมด 5 มาตรการประกอบด้วย
1.การลงทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักทางเศรษฐกิจที่จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยรัฐบาลมีนโยบายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและพลังงาน
มาตรการระยะสั้น ได้แก่ นโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะเริ่มดำเนินการภายในเดือน ก.ย.68 และการเร่งลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงปรับปรุงหลักเกณฑ์ส่งเสริมการลงทุน โดยจะเริ่มดำเนินการภายในปี 68
มาตรการระยะยาว ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและเชื่อมระบบขนส่งของเขตเศรษฐกิจสำคัญในประเทศ โครงการแลนด์บริดจ์ เพื่อพัฒนาและเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ของประเทศให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ โดยจะเริ่มดำเนินการภายในปี 72 มาตรการดึงดูดการลงทุนด้วยพลังงานสะอาดที่ต้นต่ำเพื่อพัฒนาระบบการผลิตพลังงานภายในประเทศไทย คาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในปี 68
2.ภาคการเกษตร ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเพิ่มมูลค่าและการลงทุนในภาคการเกษตร มาตรการระยะสั้น ได้แก่ โครงการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรผ่านโครงการไร่ละ 1,000 บาท เพื่อบรรเทาภาระหนี้สินให้เกษตรกรและช่วยเกษตรกรมีต้นทุนเพาะปลูกรอบการผลิตต่อไป ซึ่งจะเริ่มดำเนินการเดือน ม.ค.2568 รวมทั้งแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร
มาตรการระยะยาว ได้แก่ การจัด Zoning ภาคการเกษตรสนับสนุนการเกษตรให้เหมาะสมกับพื้นที่ ปริมาณน้ำและสภาพภูมิอากาศของแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะเพิ่มผลผลิตการเกษตรและเพิ่มรายได้เกษตรกรระยะยาว จะเริ่มดำเนินการภายในปี 2568 รวมทั้งนำเทคโนโลยีเพิ่มผลิตภาพและราคาผลผลิตการเกษตร รักษาความมั่นคงด้านอาหารเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโลก
3.มาตรการภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นภาคหนึ่งที่เป็นเสาหลักสำคัญของเศรษฐกิจที่ส่งผลเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การก่อสร้าง การผลิตวัสดุ ก่อสร้าง การผลิตเฟอร์นิเจอร์มาตรการระยะสั้น เช่น การให้สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารโรงแรม เพื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจโรงแรม รวมทั้งกระตุ้นการลงทุนและการจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยเริ่มดำเนินการในเดือน ธ.ค.67
ส่วนสินเชื่อเพื่อซื้อ สร้างหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย หรือซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกเสริมสภาพคล่องให้ประชาชนนำไปซื้อ สร้างหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ทำให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง รวมทั้งกระตุ้นการลงทุนและการจ้างงานจะเริ่มดำเนินการภายในปี 68
มาตรการระยะยาว เช่น การส่งเสริมการลงทุนสร้างที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย ด้วยการปล่อยเช่าที่ดินภาครัฐระยะยาว ส่งเสริมผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่ในราคาเหมาะสม โดยใช้กลไกการให้เช่าที่ดินรัฐเพื่อช่วยให้ราคาที่อยู่อาศัยลดลง ซึ่งกระตุ้นการลงทุนและการจ้างงานอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มดำเนินการภายในปี 68
4.ภาคการท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งต้องรักษาความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับ value-chain เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
มาตรการระยะสั้น เช่น โครงการของขวัญปีใหม่ 68 เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและการเดินทางท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ และสร้างรายได้เพิ่มให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว โดยเริ่มดำเนินการต้นปี 68 พร้อมกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เช่น โครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง การจัดงานเฟสติวัลในช่วงเทศกาล เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายท่องเที่ยวและฟื้นฟูการท่องเที่ยวแต่ละภูมิภาค เช่น ภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยปี 67 จะเริ่มดำเนินการต้นปี 68
มาตรการระยะยาว เช่น มาตรการเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destinations) เช่น สวนสนุก สถานบันเทิงครบวงจร การนำคอนเสิร์ต เทศกาล การแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในไทย โดยดึงกลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานทางไกล (Digital Nomads) จะเริ่มดำเนินการภายในปี 68
5.การบริโภคภาคเอกชน โดยดำเนินมาตรการระยะสั้นเพื่อส่งเสริมการบริโภคที่กระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้เร็ว และบรรเทาความเดือดร้อนพร้อมทั้งดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน โดยมีรายละเอียดมาตรการที่เป็นระยะสั้น เช่น โครงการจ่ายเงินอุดหนุนค่าครองชีพโดยเริ่มจากกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้มีบัตรสวัสติการ ผู้สูงอายุ
โครงการสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผู้มีรายได้ประจำ สริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ หรือนำไปชำระหนี้นอกระบบบ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในปี 68 โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ใหัแก่บุคคลธรรมดาและSMEs ที่เริ่มมีปัญหาการผ่อนชำระ โดยการลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF ) และกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIF)
ทั้งนี้ เพื่อลดภาระและผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจส่งผ่านความช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ของตนเอง ครอบคลุมถึงลูกหนี้ 2.3 ล้านบัญชี
โครงการจ่ายเงินอุดหนุนค่าครองชีพ โดยเริ่มจากกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้มีบัตรสวัสติการ ผู้สูงอายุ และกลุ่มอื่น ๆ ทีมีความจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพและกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ผ่านการจ่ายเงินอุดหนุนของรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในปี 68
โครงการสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผู้มีรายได้ประจำ ลูกจ้าง พ่อค้า แม่ค้า หรือผู้รับจ้างให้บริการต่าง ๆให้มีเงินทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ หรือนำไปชำระหนี้นอกระบบบ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในปี 68
โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สิน เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ใหัแก่บุคคลธรรมดาและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่เริ่มมีปัญหาการผ่อนชำระโดยการลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF ) และกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIF) เพื่อลดภาระและผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจส่งผ่านความช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ของตนเอง ครอบคลุมถึงลูกหนี้ 2.3 ล้านบัญชี
นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจยังต้องช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านมาตรการรวมหนี้เพื่อลดภาระดอกเบี้ย และภาระการผ่อนชำระ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในปี 68
โครงการสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ SME(กระทรวงการคลัง)เพื่อสนับสนุนเงินทุนเสริมสภาพคล่อง และเงินทุนเพื่อการลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการให้แก่ผู้ประกอบการSMEs และเพื่อปรับปรุงการผลิตให้บรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในปี 68
โครงการ Soft Loan Ari Score Sand Box เพื่อพัฒนาแนวทางในการประเมินความเสี่ยงของลูกหนี้กลุ่มเปราะบางและสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยและ ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในปี 68