กรมราชทัณฑ์ร่อนหนังสือแจงเหตุพักโทษ “เสี่ยเปี๋ยง” เหตุโรครุมเร้าเจ็บป่วยร้ายแรงตรงตามเกณฑ์ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของกรมราชทัณฑ์ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 67 กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ออกหนังสือแจ้งเหตุพักโทษเสี่ยเปี๋ยง เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง โดยคุมประพฤติระหว่างรับโทษ ระบุข้อความว่า ตามที่ นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องของ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ “เสี่ยเปี๋ยง” ที่ได้รับการพักโทษและปล่อยตัว รวมถึงกล่าวถึงค่าเสียหายที่ต้องชดใช้ให้กับรัฐนั้น
กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า ได้ปล่อยตัวพักการลงโทษ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรม เหลือกำหนดโทษปัจจุบัน 21 ปี 11 เดือน 38 วัน นับแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2558 หักขัง 1191 วัน จำมาแล้ว 12 ปี 1 เดือน (นับถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2567) จะพ้นโทษวันที่ 27 กรกฎาคม 2577
ซึ่งนายอภิชาติฯ เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยมที่ได้รับการพิจารณาจากคณะทำงานเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษในชั้นเรือนจำ ตามโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป จำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ
และได้เสนอให้คณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ พิจารณาตามลำดับและเห็นควรให้พักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากนายอภิชาติฯ มีคุณสมบัติเข้าตามหลักเกณฑ์กรณีเจ็บป่วยร้ายแรง ได้แก่ โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย โรคความดันโลหิตสูง โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับชนิดรุนแรง โรคต่อมลูกหมากโต โรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท โรคฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดสมองตีบ
โดยคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ ได้ประชุมพิจารณาพักการลงโทษ ครั้งที่ 8/2567 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 มีมติเห็นชอบพักการลงโทษนายอภิชาติฯ เนื่องจากนายอภิชาติฯ ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต (เปลี่ยนไต)
จึงต้องได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เพื่อให้ไตสามารถเข้าได้กับร่างกาย ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ มีโอกาสติดเชื้อรุนแรงอันอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ประกอบกับในเรือนจำมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ
สภาพของเรือนจำไม่สามารถที่จะควบคุมดูแลผู้ต้องขังเจ็บป่วยร้ายแรงเช่นนี้ได้ ประกอบกับได้รับการจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษปัจจุบัน จึงได้พักการลงโทษ
กรมราชทัณฑ์ มีหน้าที่ในการควบคุมผู้ต้องขังตามคำพิพากษาของศาล การให้การดูแลรักษาผู้ต้องขังที่เจ็บป่วยทั้งจากสถานพยาบาลในเรือนจำ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลภายนอกที่มีศักยภาพที่สูงกว่าตามลำดับ
ทั้งนี้ตามสภาพความรุนแรงของการเจ็บป่วย ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 และมีอำนาจในการบริหารโทษภายใต้กฎหมายเกี่ยวข้อง ได้แก่ พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 กฎกระทรวงกำหนดประโยชน์ของนักโทษเด็ดขาด และเงื่อนไขที่นักโทษเด็ดขาดซึ่งได้รับการลดวันต้องโทษจำคุกหรือการพักการลงโทษ และได้รับการปล่อยตัวต้องปฏิบัติ พ.ศ. 2562 และประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่องหลักเกณฑ์การคัดเลือกนักโทษเด็ดขาดเข้าโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษเนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการหรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป
ทั้งนี้ โครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษจากเดิมจะมี 9 โครงการ แต่ได้ยกเลิกไปแล้ว 1 โครงการ และงดดำเนินการ 5 โครงการ ในการนี้ โครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป มีการดำเนินการมาตั้งแต่ 2546 อย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ภายใต้กฎกระทรวงและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกรายที่มีคุณสมบัติและเข้าหลักเกณฑ์อย่างเท่าเทียมกัน มิได้ให้สิทธิพิเศษแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่อย่างใด
โดยกรมราชทัณฑ์ได้มีการปล่อยตัวพักการลงโทษกรณีพิเศษ ปี พ.ศ. 2565 จำนวน 18 คน ปี พ.ศ. 2566 จำนวน 26 คน และปี พ.ศ. 2567 จำนวน 27 คน
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์มีผู้ต้องขังที่อยู่ในการควบคุมดูแลเกือบ 3 แสนคน ทำให้มีการปล่อยตัวผู้ต้องขังในกรณีพักการลงโทษ ลดวันต้องโทษ และปล่อยตัวพ้นโทษ เป็นปกติทุกวัน มิได้ปกปิดในกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด
ทั้งนี้การประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษในเดือนสิงหาคม 2567 พิจารณาเห็นชอบการพักการลงโทษแบบปกติ รวม 281 ราย และกรณีมีเหตุพิเศษ รวม 40 ราย
ดังนั้น กรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่า กรณีการปล่อยตัวของนายอภิชาติฯ เป็นการปล่อยตัวพักการลงโทษ และต้องไปรายงานตัวในเขตพื้นที่สำนักงานคุมประพฤติ ตามที่ผู้อุปการะพักอาศัย ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการคุมประพฤติ ตามระยะเวลาที่ได้รับการพักการลงโทษจนกว่าจะพ้นโทษหรือพ้นการคุมประพฤติต่อไป ซึ่งเป็นการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของกรมราชทัณฑ์ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว