“ทักษิณ”ลั่นใครไม่อยากร่วมรัฐบาลต่อบอกกันได้ ไม่อยากอยู่ก็ส่งใบลาออกมา โต้คนว่าขายชาติให้เพื่อนบ้าน ชี้คงมีแต่ควายยันไม่มีใครขายชาติ ขายได้แต่คนเฮงซวยได้แต่ไม่มีใครเอา ยืนยันไม่ได้ครอบงำนายกฯ บอกใครมีลูกสาวจะรู้ว่าพ่อกับลูกสาวคนเล็ก มันแพ้ทางกันอยู่
เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 13 ธ.ค.ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคเพื่อไทยจัดสัมมนาภายใต้โครงการ เสริมศักยภาพ สส. และบุคลากรทางการเมือง มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯในฐานะหัวหน้าพรรค นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ รวมถึงแกนนำพรรคเพื่อไทยทั้งรองนายกฯ รัฐมนตรี สส. และสมาชิกพรรคเข้าร่วมการสัมมนาอย่างพร้อมเพียง
นายทักษิณ ขึ้นบรรยายพิเศษ “สถานการณ์ทิศทางโลกและการปรับตัว” ในโครงการเสริมสร้างศักยภาพ สส. และบุคลากรทางการเมือง ในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทย ว่า ต้องขอบคุณที่มีโพเดี้ยมให้เกาะ เนื่องจากอายุ 75 ปีแล้ว ยืนพูดแบบนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี คงไม่ไหว ตอนนั่งอยู่ข้างล่างขณะที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พูด ก็คิดว่าทำไมลูกเราพูดเก่งขึ้น ดีใจที่ได้มาพูดคุยกันหลังจากที่เราไม่ค่อยได้พูดกันตัวเป็นๆ มานาน วันนี้ได้กลับมาเมืองไทย คิดว่าคงจะทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองไม่มากก็น้อย เพราะเวลาเหลือไม่นานแล้ว ตอนนี้ 75 ปีแล้ว
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตนเองเป็นคนคิดบวก พูดเล่นบ้างอะไรบ้างก็อย่าแปลกใจ ที่บอกขออีก 40 ปี ก็จะเจรจากับพระเจ้าในประเทศไทยว่าขอเวลาอีก 17 ปีที่หายไป และตอนนี้ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กลับมา มีคนบอกว่าสหรัฐอเมริกาจะจัดการกับเรา เนื่องจากเราได้เปรียบดุลการค้าจากเขา เราต้องระวังเรื่องการขึ้นภาษี รวมถึงกรณีที่ทรัมป์จะใช้หนี้อเมริกาจากบิทคอยน์ ที่พูดไม่ใช่จะให้ซื้อ แต่เทรนด์เป็นเช่นนั้น มีเงินคริปโตหลายสกุลออกมาแล้ว ก็มีคนบอกว่าอีกหน่อยเราจะมีสกุลเงินมากกว่าจำนวนประเทศ วันนี้คนไทยต้องคิดจะรู้ทันมันให้ได้
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี อาจจะมอบให้ทางกระทรวงการคลัง ไปศึกษาเพื่อรับบิทคอยน์ได้หรือไม่ ใช้แซนด์บ็อก เช่น จ.ภูเก็ต ใช้บิทคอยน์ เพื่อให้คนถือบิทคอยน์มาใช้เงิน อีกเรื่องที่น่าติดตามคือเหรียญที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีอาจจะให้กระทรวงการคลังศึกษา เช่นด้วยการออกคอยน์ โดยมีบอร์นของรัฐบาลค้ำประกัน เพื่อทำให้เงินไหลเวียนในเศรษฐกิจ ถ้าทำแบบนี้เชื่อว่า จีดีพีปีหน้า 3.5 เปอร์เซ็นต์ ไม่น่าจะมีปัญหา และในปี 2569 หากจีดีพีจะโต 4.0 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา
นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า วันนี้เม็ดเงินในเศรษฐกิจเราถูกดูดออกหมด เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ไม่ออกกู้ เราต้องหาเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยไม่ทำให้เกิดปัญหาของประเทศ วันนี้หนี้สาธารณะเราเยอะมาก ฉะนั้น เราต้องทำให้จีดีพีเติบโต และลดการขาดดุล เพื่อทำให้หนี้สาธารณะลดลง พรรค พท.เราต้องทำให้ได้ โดยปีหน้าจะเป็นปีแห่งโอกาสของคนไทย วันนี้งบประมาณปีหน้าเป็นปีที่เราจะต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพ ต้องลดหนี้สาธารณะลงให้ได้ และต้องให้รัฐวิสาหกิจที่มีหนี้เยอะออกพ้นจากรัฐวิสาหกิจ เอาเอกชนมาลงทุนแทนรัฐ เช่น การลงทุนป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ เราก็ต้องหาทางทำแต่จะทำอย่างไร ถ้ารัฐไม่มีเงิน งบลงทุนมันต่ำ ก็ต้องให้เอกชนมาลงทุน เอกชนต้องคิดว่าเขาจะทำประโยชน์คุ้มค้าหรือไม่ ต้องไปดูตรงนี้ วันนี้เราพูดเรื่องการผูกขาด เรื่องไฟฟ้า เรามีหน่วยงานของรัฐ แต่ทุกคนต้องมีสวัสดิการของตัวเอง ทำให้ค่าไฟฟ้าของเรามีราคาแพง เราไม่ควรเห็นเลข 4 บาท เลข 3 บาทกลายก็ไม่ควรเห็น ต้องอยู่ 3 บาทกลางๆ เพราะประชาชนอยู่ไม่ได้
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า เมื่อ 2 วันก่อนมีพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เกี่ยวกับมาตรการทางภาษีระหว่างประเทศเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรากฏว่ามีพรรคร่วมบางพรรคหลบ ป่วย อย่างนี้ ไม่ใช่เลือดสุพรรณนี่หว่า ถ้าอยู่ด้วยกันก็ต้องด้วยกันสิ วันหลังไม่อยากอยู่ต้องบอกให้ชัดเจน เราเป็นคนพูดรู้เรื่อง ห้ามหนี ต่อไปใครหนีก็บอกว่าถ้าหนีก็ส่งใบลาออกมาด้วย ง่ายดี ผมเป็นคนเกลียดพวกอีแอบ ตรงไปตรงมาง่ายๆ อยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ถ้าอยู่ก็ต้องสู้ด้วยกัน ในเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาลร่วมกัน แถลงนโยบายคุณยกมือเห็นด้วย พอได้เก้าอี้ รัฐมนตรีค่อยๆหลบมือออก ไม่ได้ ต้องตรงไปตรงมา
“พรรคร่วมรัฐบาลต้องทำงานร่วมกันจริง ๆ ตรงไปตรงมา มีอะไรไม่พอใจพูดกัน แต่สิ่งไหนที่เป็นนโยบายรัฐบาลคือต้องทำ ไม่ใช่ได้ตำแหน่งแล้วไม่เอาแล้ว รัฐบาลเป็นกลไกประชาธิปไตย มีหลายออปชั่น อยากส่งสัญญาณให้รู้ว่า วันนั้นไม่สวยเลย วันนี้ที่หายไปตอน พ.ร.ก.เข้า มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ให้รู้ว่าการทำงานร่วมกันง่ายมาก” นายทักษิณ กล่าว
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงบรรดานักร้องว่า ประเทศไทยแปลกอย่างหนึ่งคนไม่มีอาชีพ มีฐานะดีกว่าคนมีอาชีพ แสดงว่าคนไทยไม่อยากมีเรื่อง ใครหาเรื่องก็ปิดปาก ถ้าสรรพากรได้ยิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ได้ยิน ก็ไปตรวจสอบ บางคนเมีย 3 ลูก 5 ไม่ได้ทำอาชีพอะไร บางคนส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ ทั้งที่อาชีพไม่มี บางคนถึงเวลาต้องไปหยอดเหรียญ ถ้าไม่หยอดก็รวน พอได้แล้ว ร้องไปร้องมาทำให้คนไม่เชื่อมั่นประเทศไทย ตอนที่ตนถูกร้อง นักลงทุนต่างประเทศมาพบก็ถามว่าวิตกหรือไม่ ตนบอกว่าเราเปิดช่องให้ใครก็ไม่รู้มาร้อง บางคนไม่เกี่ยวข้องก็มาร้อง คนไทยเรามันเจ้าคิดเจ้าแค้น 17 ปี ตนโดนเล่นงาน มีคนมายกหูหา ตนก็บอกจบนะ จะจบก็ต้องจบ ไม่จบก็ไม่เป็นไร เตะกันคนละทีจะเป็นอะไร และตนไม่อยากเสียเวลายาว เพราะเสียมา 17 ปีก็มากพอแล้ว
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนเองไม่ได้ครอบงำนายกรัฐมนตรี ใครมีลูกสาวจะรู้ว่าพ่อกับลูกสาวคนเล็ก มันแพ้ทางกันอยู่ ตนเองต่างหากที่ถูกใช้ นายกรัฐมนตรีบอกว่า พ่อทำโน้น ทำนี่ให้หน่อย เงินเดือน 700 บาท เป็นผู้ช่วยหาเสียงได้วันละ 300 บาท แต่ช่วงนี้งานชุกหน่อย จ.ศรีสะเกษก็เตรียมตัวไว้ จ.เชียงใหม่ มีเงินหรือไม่ ช่วงเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด อาจจะรวยหน่อย
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงประเด็นเอ็มโอยู 44 ด้วยว่า สมัยที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการเซ็นร่วมกันระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของไทยกับกัมพูชา เพื่อคุยกันถึงเรื่องที่เราไม่ได้คุยกัน คือ เรื่องการลากเส้นเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศที่ไม่ตรงกัน ซึ่งต้องอ่างกฎหมายระหว่างประเทศ ส่วนเรื่องเกาะกูดที่คนบอกจะเอาไปให้เขา คนพูดอาจจะไม่ได้ดูเนื้อหาสาระ เกาะกูดเป็นของไทยมาตั้งนานแล้ว และอยู่ในสนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศษ มันชัดเจนแล้ว แต่วิธีลากเส้นของกัมพูชามันไม่ถูก เรามั่นใจวิธีว่าเราถูกกว่า แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นอะไร เรามาคุยเรื่องที่เรายังไม่ตกลงว่าคืออะไรกันแน่ แค่วางกรอบ แต่วันนี้โวยวายกันใหญ่ ต้องถามว่าพลังงานที่อยู่ในทะเลอีกสัก 20 ปีใช้ไม่ได้แล้ว อีก 20 ปีจะทิ้งทรัพย์สินตรงนี้สัก 4 ล้านล้านบาท ถ้าตกลงกันได้ซึ่งมี 2 ส่วนคือผลประโยชน์ในทะเลและบนบกที่ไม่มีปัญหาทำให้ยังไม่จบต้องคุยกัน ซึ่งการปักปันเขตแดนทุกด้านมีปัญหาหมด แต่เราอยู่ร่วมกันอย่างนี้ เพียงแต่เรื่องเขตแดนมันไม่จบ ต้องคุยกันด้วยหลักสากล
“เรื่องนี้คือตกลงจะคุยเรื่องที่เรายังไม่ตกลง อย่าเพิ่งโวยวายไม่มีใครขายชาติหรอกถ้าขายคนเฮงซวยพอคุยได้แต่คงไม่มีคนเอา ยืนยันเรื่องบนบกไม่ต้องเถียงกัน จบไปนานแล้ว เหลือแต่เส้นทางทะเล แต่วันนี้เถียงกันแทบตาย แต่คนที่ได้ประโยชน์คือคนที่ได้สัมปทานเดิม อย่างไรก็ตามการเป็นเพื่อนดีกว่าเป็นศัตรู แต่หลักการประเทศต้องมาก่อน ไม่ใช่เป็นเพื่อนแล้วบอกยกประเทศให้เพื่อน อันนั้นมันควายแล้ว” นายทักษิณ กล่าว
โดยในช่วงท้ายก่อนจบการสัมมนา นายทักษิณ กล่าวว่า ทุกคนในพรรครัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทย ไม่ค่อยตอบข้อสงสัย เวลาถูกกล่าวหา วันนี้เราก็อยากจะขอให้พวกเราช่วยกัน ตอบอย่างเป็นระบบทั้งในสภาและนอกสภา ต้องมีการตอบและอธิบายโดยเฉพาะรัฐมนตรี และอันหนึ่งที่ตนอยากแนะนำหัวหน้าพรรค คืออยากให้ในพรรค แบ่งกลุ่มความสนใจใครสนใจกระทรวงไหน ก็ศึกษาเรื่องราวของกระทรวงนั้นๆ และเวลามีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงไหน กลุ่มนี้ก็ควรจะตอบ ต้องฝึกงานไว้อีกหน่อยได้เป็นรัฐมนตรี ถ้าไม่ฝึกไว้ตอนนี้ อีกหลายรัฐธรรมนูญก็จะทำอะไรไม่เป็น ดูสิไม่มีใคร อาสาเป็นรัฐมนตรีคมนาคมเลยต้องเป็นนายสุริยะ