หุ้นไทยดิ่ง 24.75 จุดสอดรับภูมิภาคที่ร่วงยกแผง หลังจาก “ทรัมป์” เตรียมประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจเพื่อใช้อำนาจตั้งกำแพงภาษีทำให้นักลงทุนปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยง ส่วนแนวโน้มพรุ่งนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ให้แนวต้าน 1,370-1,375 จุด แนวรับ 1,350-1,355 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิด ที่ระดับ 1,362.97 ลดลง 24.75 หรือ -1.78% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 46,901.72 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยร่วงหนักตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนเริ่มทยอยขายลดความเสี่ยง เพราะเกิดความไม่แน่นอนในนโยบายการค้าของสหรัฐหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเตรียมประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจเพื่อใช้อำนาจตั้งกำแพงภาษี ทำให้มีการปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงและขายหุ้นในตลาดหุ้นเอเชียออกมา ซึ่งตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบดังกล่าวด้วย โดยมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมากดดันดัชนี
รวมทั้งเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐปรับตัวสูงขึ้น จากการที่ตลาดคาดว่าจะเห็นการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐลงเหลือเพียง 1 ครั้งในปีนี้ ทำให้ดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นปัจจัยที่กดดันต่อตลาดหุ้นด้วย
ส่วนแนวโน้มพรุ่งนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ แต่ตลาดหุ้นไทยถือว่าลงมาค่อนข้างมาก และมีมูลค่าที่ไม่แพงในระดับที่ P/E ราว 15 เท่า แต่ยังต้องรอปัจจัยหนุนเข้ามาช่วยผลักดันดัชนี ขณะที่ตลาดยังรอการติดตามรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐในคืนวันศุกร์นี้ โดยให้แนวต้าน 1,370-1,375 จุด แนวรับ 1,350-1,355 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,724.67 ล้านบาท ปิดที่ 155.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,670.68 ล้านบาท ปิดที่ 276.00 บาท ลดลง 8.00 บาท
IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,846.14 ล้านบาท ปิดที่ 21.90 บาท ลดลง 2.30 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 1,681.10 ล้านบาท ปิดที่ 57.25 บาท ลดลง 0.75 บาท
JMT มูลค่าการซื้อขาย 1,621.87 ล้านบาท ปิดที่ 14.70 บาท ลดลง 3.00 บาท