วันเสาร์, มกราคม 18, 2025
หน้าแรกHighlightแรงหนุนมาตรการคลังดันจีดีพีโต 2.7% เตือนระวังนโยบายกีดกันการค้า“ทรัมป์”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

แรงหนุนมาตรการคลังดันจีดีพีโต 2.7% เตือนระวังนโยบายกีดกันการค้า“ทรัมป์”

อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินการลงทุนปีมะเส็งผันผวนสูง คาดจีดีพีโต 2.7% จับตานโยบาย “ทรัมป์” -มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ คาดกนง.ลดดอกบี้ย 2-3 ครั้ง เหลือ 1.50% ต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.25%

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนในปี 2568 จะอยู่ในสภาพ “ความผันผวนสูง ผลตอบแทนต่ำ” จึงประเมินว่ากลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมสำหรับปีงูเล็กนี้คือ การลงทุนแบบเก็งกำไร (Trading) ซึ่งต่างจากปีที่ 2567 ผ่านมาที่เคยให้มุมมองว่าเป็นปีแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือ A Year of Value Investing เนื่องจากภาพรวมตลาดหุ้นที่ราคาไม่ได้ undervalue เหมือนกับช่วงต้นปี 2567 แล้ว

โดยเศรษฐกิจโลกจะถูกขับเคลื่อนด้วยแรงสำคัญ 4T ได้แก่ 1. Transition – การเปลี่ยนผ่านจากภาวะเงินเฟ้อสูงมาสู่ภาวะ Soft Landing  2. Trump – การกลับมาของนโยบาย America First 3. Technology – พลังขับเคลื่อนจาก AI และเทคโนโลยีสีเขียว และ 4. Turmoil – ความปั่นป่วนทั่วโลก อันเนื่องมาจากความขัดแย้งระหว่างประเทศ

ด้านเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโต 2.7% จากปัจจัยหนุนด้านนโยบายการคลังที่ยังผ่อนคลายโดยความท้าทายส่วนใหญ่จะเกิดจากนโยบายของนายโดนัลด์  ทรัมป์ทั้งด้านเศรษฐกิจและต่างประเทศ หลายประเทศจึงจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อชดเชยการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ อย่างประเทศไทยที่ขณะนี้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาวอย่าง Easy E-reciept, การโอนเงินหมื่นในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป, การสนับสนุนการลงทุนธุรกิจใหม่ๆ

ขณะเดียวกันอยากเห็นมาตรการทางการเงินที่เริ่มผ่อนคลายลง ซึ่งมองว่า กนง. จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงเวลาที่จำเป็น โดยช่วงครึ่งปีแรกจะยังไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากนัก เพราะได้แรงกระตุ้นจากมาตรการทางการคลัง แต่หากช่วงครึ่งหลังของปีเศรษฐกิจยังไม่เติบโตตามที่ควรจะเป็น การลดอัตราดอกเบี้ยยังสามารถอยู่ 2-3 ครั้ง ลงเหลือ 1.50% ต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.25% เพื่อช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะช่วยส่งผลดีต่อภาคการบริโภคและการลงทุน

สำหรับสินทรัพย์ที่น่าลงทุนคือ ทองคำ ตราสารหนี้คุณภาพดีในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน เน้นไปที่เชิงรับและหุ้น Value ที่มีการฟื้นตัว แนะนำเลือกลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จีน อินเดีย และ เวียดนาม ด้านตลาดหุ้นไทยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 22%YoY โดยมองเป้าหมาย SET Index ที่ 1,550 จุด กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนโดดเด่นจะเป็นกลุ่มมีการสัดส่วนรายได้ภายในประเทศสูงและเป็นกลุ่มเชิงรับ อาทิเช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มพาณิชย์

ด้านสถานการณ์ตลาดหุ้นไทย มองว่าไตรมาส 2 ปี 2568 น่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ ส่วน fundflow ยังไม่คาดหวังว่าจะไหลกลับเข้ามา หาก SET Index ลงไปที่ระดับต่ำกว่า 1,350 จุด มองว่าเป็นจังหวะที่น่ากลับเข้ามาลงทุน โดยให้กรอบล่าง ที่ 1,250 จุด สำหรับสิ่งที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดหุ้นไทยคือผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเห็นได้ชัดจากตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาที่ติดตัวขึ้น เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน มากกว่าภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดในภูมิภาคพบว่าผลตอบแทนยังใกล้เคียงกัน ขณะที่ฝั่งเอเชียเหนือเช่น ไต้หวัน เกาหลี จะมีความโดดเด่นด้านกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี AI จึงมีคำแนะนำให้กระจายการลงทุนทั้งในตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img