“เงินบาทแข็งค่า”รั้งอันดับที่2ในภูมิภาค ตลาดลดกังวล“สงครามการค้ารอบใหม่”

“รุ่ง” ประเมินเงินบาทสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 33.40-34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เกาะติดดัชนีภาคบริการ-การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ เปิดสถิติเดือนม.ค.เงินบาทแข็งรั้งอันดับ 2 ในภูมิภาค

น.ส.รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 33.40-34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ตลาดจะติดตามดัชนีภาคบริการและการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ รวมถึงพัฒนาการเกี่ยวกับการบังคับใช้กำแพงภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ต่อแคนาดาและเม็กซิโก นอกจากนี้ ราคาทองคำตลาดโลกยังสร้างความผันผวนให้กับค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่อง

ส่วนกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดคงดอกเบี้ย 4.25-4.50% ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปหรืออีซีบีลดดอกเบี้ยลง 0.25% สะท้อนบริบททางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน โดยสหรัฐฯยังคงรักษาแรงส่งเชิงบวกของการเติบโตได้ดีกว่า ส่วนไทย เราคาดว่ามีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยสู่ระดับ 2.00% ในเดือนก.พ. เนื่องจากมาตรการแจกเงินช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศได้เพียงช่วงสั้นๆเท่านั้น อีกทั้งการขยายสินเชื่อที่ชะลอลงบ่งชี้ภาวะทางการเงินตึงตัว

สำหรับการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาคช่วง 1 ม.ค.-31 ม.ค.พบว่า  สกุลเงินส่วนใหญ่แข็งค่า นำโดยดอง-เวียดนาม 1.61% รองลงมาเป็นบาท-ไทย 1.51% วอน-เกาหลีใต้ 1.49%  ดอลลาร์-สิงคโปร์ 0.83%  หยวน-จีน 0.76%  ริงกิต-มาเล เซีย 0.59 % ดอลลาร์-ไต้หวัน  0.32%   ยกเว้น รูเปียห์-อินโดนีเซีย 1.25% รูปี-อินเดีย 1.17%    เปโซ-ฟิลิปปินส์ 0.85%

โดยเงินบาทแข็งค่าในเดือนนี้ขณะตลาดลดความกังวลลงชั่วคราวเกี่ยวกับสงครามการค้ารอบใหม่ รวมถึงราคาทองคำตลาดโลกทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อาจกระตุ้นให้ผู้ค้าทองในประเทศส่งออกทองคำด้วยบางส่วน อย่างไรก็ดี นโยบายการค้าสหรัฐฯมีความไม่แน่นอนสูง และเฟดแสดงท่าทีระมัดระวังต่อการลดดอกเบี้ยในปีนี้ขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐฯยังแข็งแกร่งและเงินเฟ้อค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายหุ้นสุทธิ 8.1 พันล้านบาท และพันธบัตรขายสุทธิ 3.2 พันล้านบาท