“สุทิน-ชูศักดิ์” นำทีม “สส.เพื่อไทย” แถลงจุดยืนย้ำหนุนเดินหน้าแก้รธน.256 ตั้งส.ส.ร. ส่งศาลรธน.ตีความรับประสานทุกฝ่ายแล้ว หวั่นถูกตีตก ยันประชาชนมองออกว่าใครแก้จริงหวังผลสำเร็จ เหน็บไม่ใช่สักแต่จะว่าได้แก้แล้ว ลั่นอยากแก้ได้แล้วนะ ไม่ใช่แก้แล้วนะ
วันที่ 13 ก.พ.2568 เวลา 13.00 น.ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทยนำโดย นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสส.พรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังที่องค์ประชุมล่ม ขณะที่มีการพิจารณาวาระพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 โดยนายสุทิน คลังแสง สส.มหาสารคาม กล่าวว่า ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีเจตนารมย์ที่จะแก้รัฐธรรมนูญ และแก้ให้ได้มุ่งต่อความสำเร็จ ไม่ใช่เพียงแต่ได้แก้ ตามนโยบายที่ให้ไว้แล้วมาแสดงว่าได้แก้แล้ว จบไม่จบ ได้ไม่ได้ เรื่องนั้นไม่ใช่ เพราะเรามุ่งหวังความสำเร็จสถานการณ์จึงเกิดวันนี้ขึ้น โดยหลังจากที่เราพยายามได้ยื่นมาหลายรอบ แต่เมื่อยื่นแล้วก็ยังมีข้อกังขาว่าประธานจะบรรจุหรือไม่บรรจุนั่นคือความคลุมเครือและเป็นปัญหามาตลอด และรู้ดีว่าจะเป็นปัญหาต่อไป เมื่อร่างดังกล่าวถูกบรรจุเข้าสู่สภาแล้วนับวันที่จะพิจารณาคือที่ 13-14 ก.พ. เราก็พยายามที่จะประสานงานทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดความเป็นไปได้ นั่นคือเสียงพรรคร่วมรัฐบาลและเสียงของสว. เมื่อเราทำเต็มที่และขอความร่วมมือเต็มที่แล้วจากการประเมินเมื่อวานนี้ (12 ก.พ.) ชประเมินแล้วพบว่าโอกาสที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านนั้นยาก โอกาสตกสูง โอกาสที่จะผ่านแทบไม่มี ซึ่งเมื่อไม่มีโอกาสเราจะทำอย่างไร จะจำนนต่อสถานการณ์โดยเราจะเสนอและพิจารณากันไปปล่อยให้โหวตแล้วให้ตกหรือไม่ หากทำแบบนั้นคือความล้มเหลวและเราทราบดีว่าความล้มเหลวรออยู่แล้ว
นายสุทิน กล่าวต่อว่า เราจึงแสวงหาอีกวิธีหนึ่งที่พอจะมีความหวังคือขอให้ร่างได้อยู่ในสภายังไม่ตก คือเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและระหว่างที่รัฐธรรมนูญกำลังวินิจฉัย ร่างก็ยังอยู่ และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมา เราก็มีโอกาสสำเร็จ เราก็จะเดินหน้า แต่หากไม่เป็นคุณ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาในทางแก้ไม่ได้ ก็จะได้ชัดเจนว่าแก้ไม่ได้ แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยก็เกิดความเห็นที่ต่างกัน เช่น ต้องทำประชามติกี่รอบ และสมาชิกรัฐสภาก็เกิดความกังวลว่าพิจารณาและลงมติจะถูกตัดสินหรือดำเนินคดีหรือไม่ เพราะมีตัวอย่าง ต้องยอมรับว่ามีสมาชิกจำนวนไม่น้อยไม่มั่นใจในสถานะ หากอยู่ประชุมทางที่ดีคือยื่นศาลฯให้ตีความ เชื่อว่าไม่เกิน 1 เดือน และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความมาแล้ว ความหวังเรายังมี วันนี้เราจึงสนับสนุนญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. แต่เมื่อญัตตินี้แพ้ต่อสภาเราก็ต้องพิจารณากันต่อ เราก็มองเห็นคำตอบอยู่ข้างหน้าว่าเมื่อไปข้างหน้าก็ตก ฉะนั้น เราจึงปรับวิธีการต่อสู้เพื่อให้บรรลุผลของเรา
“วันนี้จึงคิดว่าจะทำอย่างไรให้ร่างนี้ไม่ตกและให้อยู่นานที่สุด นั่นคือองค์ประชุมถ้าไม่ครบก็ประชุมต่อไม่ได้ ก็จะมีเวลาในการตั้งหลัก เพื่อที่จะกลับมาสู้เพื่อเป้าหมายอีกครั้ง ดีกว่าดันทุรังไปว่าพิจารณาไปแล้ว แล้วไปตายข้างหน้านั้นเราไม่เอา ฉะนั้น จึงเกิด เหตุการณ์ในวันนี้ซึ่งเหตุการณ์มันเร็วมาก เราจึงคิดว่าทำยังไงให้ร่างนี้อยู่และยืดชีวิตต่อไปได้ เพื่อนสมาชิกบางคนบางพรรคอาจจะมองว่าผิดเรามีเจตนาเพื่อที่จะผลักดันให้สำเร็จเดินทางตรงไม่ได้ก็ขอเดินทางโค้งทางโค้งยังไม่สำเร็จขอหยุดการเดินทางไว้ก่อนดีกว่าเดินไปตกเหว ” นายสุทินกล่าว และว่าอย่างไรก็ตามในวันที่ 14 ก.พ. ประธานรัฐสภา ได้แจ้งว่ายังมีประชุมร่วมรัฐสภาอยู่ ส่วนจะล่มหรือไม่นั้น ตนไม่แน่ใจ แต่หากทุกคนไปคิดแล้วว่าพอจะมีทางชนะกันในสภาได้ เราก็จะมาต่อสู้ในสภา
ด้านนายชูศักดิ์ กล่าวว่า เท่าที่วิเคราะห์การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มี 2 ร่างอยู่ในขณะนี้แนวโน้มก็คงจะไม่ผ่านมติของรัฐสภาหรือเสียงของสว.ที่จะเห็นชอบไม่ถึง 67 คน ซึ่งสาเหตุสำคัญที่เขาอ้างคือประธานรัฐสภาสั่งบรรจุระเบียบวาระดังกล่าวเข้ามาไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ซึ่งคำว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเขาพุ่งไปที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญปี 2564 คือนำไปสู่จะยังบรรจุไม่ได้จนกว่าจะถามประชาชนเสียก่อน คือจะทำประชามติ 2 หรือ 3 ครั้ง เมื่อประเด็นวิตกกังวลเป็นเช่นนี้ว่าจะไม่ผ่านเพราะเหตุนี้ เราจึงตั้งว่าถ้าแบบนั้นประเด็นนี้ก็ควรสอบถามกันให้ชัดเจนว่าท้ายที่สุดการบรรจุระเบียบวาระเช่นนี้ที่นำไปสู่การทำประชามติ 2 ครั้ง ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือชอบด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ จึงนำไปสู่การสนับสนุนญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ โดยหวังว่าหากศาลรัฐธรรมนูญตอบมาในทางที่เป็นคุณ คือที่ทำถูกต้องแล้ว ก็สามารถเดินหน้าต่อได้
นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า ฉะนั้น คิดว่าหากเราพิจารณากันต่อ ทุกคนก็ทราบดีกันอยู่แล้วว่านำไปสู่ญัตติตกไป และเมื่อตกไป ก็ถือว่าน่าเสียดายคือเราทำใหม่ก็ต้องเริ่มต้นใหม่ และเมื่อเริ่มต้นใหม่ปัญหาก็คาราคาซังเหมือนเดิม ก็จะวนเวียนมาสู่ปัญหานี้อีก ฉะนั้น ที่เราทำเจตนาคือต้องการให้ญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญยังคงอยู่ในรัฐสภา และคิดหาทางกันต่อไปว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประสบความสำเร็จ และยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีเจตนาเตะถ่วง มีเพีนงเจตนาเต็มที่ที่จะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะเป็นนโยบายที่เราเสนอไว้และมีความพยายามจะทำอย่างนี้มาตลอด และย้ำว่าเราจึงสนับสนุนญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ โดยหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญออกมาแล้วมีความชัดเจน เราจะได้ดำเนินการเพื่อนำไปสู่การมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ได้
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไร เพราะอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เราอยากเคลียร์ปัญหานี้ให้ได้ ซึ่งพบว่าปัญหานั้นไม่ใช่ไม่อยากให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เพราะกระบวนการและวิธีการไม่ถูกต้อง ฉะนั้น พรรคเพื่อไทยเห็นว่าควรถาม เพื่อเคลียร์ปัญหาให้ชัดเจน
ด้านนายสุทิน กล่าวเสริมว่า ตนคิดว่าไม่ลำบาก ถึงวันนี้ประชาชนจะมองออกว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ มีอยู่ 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือพรรคภูมิใจไทยและสว. ส่วนหนึ่ง ที่ไม่แก้ กลุ่มที่ 2 คืออยากแก้แสดงตัวว่าจะแก้ แต่มีข้อแม้ว่าแก้จริงหรือไม่พยายามที่จะดันต่อไปทั้งที่รู้ว่าถูกตีจะตก สังคมจะรู้ว่าแก้เพื่อหวังผลสำเร็จหรือไม่ ขณะที่พรรคเพื่อไทย เดินเกมเต็มที่แต่เจออุปสรรคเราจึงต้องชะลอเพื่อที่จะหาทางสู้ใหม่ ประชาชนคงมองออกว่าใครคือกลุ่มที่แก้โดยหวังผล หรือกลุ่มที่สักแต่ว่าจะได้แก้แล้ว แต่ของแก้ได้แล้ว เราอยากพูดคำนี้มากกว่า ไม่ใช่แก้แล้ว ยิ่งเดินไปก็ยิ่งจะช้ำ แล้วคนที่รู้ว่าเดินต่อก็จะตก เดินไปทำไม กับของเราที่รู้ว่าจะตกเราไม่เดินต่อ แต่เราก็ชะลอ เพื่อที่จะตั้งหลักแล้วเดินใหม่ ประชาชนน่าจะมองออก
เมื่อถามว่า ใครทำจะทำให้ตก นายสุทิน กล่าวว่า ในสภาก็พอจะมองออก คนที่พยายามจะเดินหน้าอภิปรายแล้วได้โหวต คนนั้นคือคนที่ตนคิดว่าเดินหน้าแล้วจะตกแล้ว แล้วจะเดินทำไม