“พิชัย” เร่งหารือสมาคมธนาคารไทยผ่อนเกณฑ์ปล่อยสินเชื่อใหม่ จับกลุ่มรายเล็ก หวังเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ ขณะที่รัฐลดเช่วยธนาคารพาณิชย์ลดเงินนำส่งเข้ากองทุนฯ เหลือ 0.23% จากปกติ 0.46% พร้อมถก ธปท.ผ่อนเกณฑ์ แอลทีวี
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยว่า ในเร็ว ๆ นี้เตรียมหารือกับสมาคมธนาคารไทย พิจารณาเรื่องการผ่อนคลายเกณฑ์เพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อให้กับรายเล็กมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันธนาคารมีความระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มนี้มาก
“ที่ผ่านมาสถาบันการเงินไม่กล้าปล่อยสินเชื่อ โดยเน้นไปปล่อยกู้แค่รายใหญ่ แต่ไม่ปล่อยให้รายเล็ก ซึ่งถ้ารายเล็กมีปัญหาสุดท้ายก็ลามกลับมาถึงรายใหญ่ได้เช่นกัน ทั้งนี้การกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อนี้ ไม่ใช่การบังคับให้แบงก์ต้องปล่อยหมด แต่ให้เลือกกลุ่มที่พอมีความสามารถ ไม่ใช่ปิดประตูไม่ปล่อยให้รายเล็กเลย วิธีคิดของผมคือการเติมเงินเข้าสู่ระบบ และการเติมเงินที่ดีที่สุด คือการให้สินเชื่อ”
โดยรัฐบาลได้ช่วยอุดหนุนด้วยการให้ธนาคารพาณิชย์ลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ลงไป 0.23% จากปกติ 0.46% รวมทั้งเปิดโอกาสให้ธนาคารพาณิชย์เสนอวิธีการด้วยตัวเอง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็จะช่วยดูในเรื่องนี้ด้วย
ส่วนปัญหาเม็ดเงินที่หายไปจากตลาด โดยในหนึ่งปีมียอดสินเชื่อค้างในระบบธนาคารอยู่ประมาณ18 ล้านล้านบาท ขณะที่ธนาคารมีส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ Net Interest Margin (NIM) อยู่ที่ 3% ซึ่งเท่ากับว่าผู้กู้ต้องเอาเงินไปจ่ายดอกเบี้ยประมาณ 5 แสนล้านบาท ซึ่งตรงส่วนนั้นกลายเป็นกำไรของธนาคาร ดังนั้นเห็นว่าธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบมีกำไรรวม 2 แสนล้านบาทนั้น มากเกินไปเมื่อเทียบกับศักยภาพเศรษฐกิจไทยปัจจุบัน ซึ่งอยากให้ภาคธุรกิจกลับมามองถึงความยั่งยืน หันกลับมาช่วยกัน แทนการมุ่งไปที่การทำกำไรสูงสุด
ขณะที่แนวทางการนำเงินกลับเข้าสู่ระบบนั้น จะต้องมีการปล่อยสินเชื่อ แต่ปัจจุบันปริมาณสินเชื่อยังอยู่ในระดับเท่าเดิม ทำให้เม็ดเงินหายไปจากตลาด ดังนั้นจะมีการนำข้อมูลเหล่านี้ไปหารือกับธนาคาร ว่าถ้าไม่ปล่อยสินเชื่อเลยก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้
ขณะเดียวกัน ได้มอบนโยบายให้ธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ช่วยเติมเม็ดเงินในระบบ โดยการปล่อยสินเชื่อพิเศษ วงเงิน 1-2 หมื่นบาทต่อราย เป้าหมาย 3 แสนบัญชี คุณสมบัติจะเป็นกลุ่มบุคคลธรรมดาที่ทำมาค้าขาย และไม่เคยได้สินเชื่อ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเศรษฐกิจขับเคลื่อน เริ่มมีคนลงทุนมากขึ้น สิ่งที่เขาอยากเห็นคือการเข้าถึงสินเชื่อที่ดอกเบี้ยถูก ซึ่งวันนี้ในส่วนของผู้กู้รายใหญ่ได้ดอกเบี้ยต่ำอยู่แล้ว ส่วนรายกลางลงมายังต้องพิจารณา
นอกจากนี้ได้หารือเบื้องต้นกับธปท. ให้ช่วยพิจารณาเรื่องการผ่อนปรนเกณฑ์ LTV ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งข้อดีคือ การกันไม่ให้เกิดหนี้เสียเยอะขึ้น แต่ข้อเสียคือ คนบางส่วนอาจพอมีกำลัง แต่พอเจอเกณฑ์เข้มงวดไปก็เข้าไม่ถึงสินเชื่อ ซึ่งก็ต้องมีการไปปรับกติกาบางอย่าง รวมทั้งการทำให้คนเป็นหนี้มีอิสรภาพ หรือเรื่องติดเครดิตบูโร ซึ่งรัฐบาลก็พยายามช่วย อาทิโครงการแก้หนี้ คุณสู้ เราช่วย ในส่วนมาตรการจ่าย ปิด จบ ที่รัฐบาลตั้งงบ ช่วยปิดหนี้ก้อนไม่เกิน 5,000 บาท ล่าสุดช่วยไปแล้วกว่า 1 แสนบัญชี หรือกรณีที่เป็นการกู้ร่วม การค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งคลังจะหารือกับธปท. เพื่อแก้ไขเกณฑ์การกู้รวมโดยให้หาคนที่กู้จริง เพื่อให้มาใช้หนี้ตามโครงการ ส่วนคนที่เป็นผู้กู้ร่วมก็จะปลอดภาระไปอัตโนมัติ
ส่วนกรณีลูกหนี้ดีนั้น รัฐบาลการกำลังพิจารณามาตรการอยู่ แต่ยังระบุรายละเอียดไม่ได้ ซึ่งเข้าใจคนเป็นลูกหนี้ และรัฐบาลก็ยินดีจะช่วย ทั้งนี้ที่ผ่านมาที่ภาคสถาบันการเงินมีภาระการวิกฤติต้มยำกุ้ง คือการที่รัฐช่วยอุ้มในช่วงฟองสบู่แตก เกิดเป็นกองทุน FIDF ซึ่งปัจจุบันยังใช้หนี้ไม่หมด แต่รัฐบาลก็ยินดีที่จะช่วยยืดระยะเวลานำเงินเข้าส่งกองทุน FIDF และมาช่วยลูกหนี้แทน