หุ้นไทยปิดร่วง 15.31 จุด หลังผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 4/67 ออกมาต่ำกว่าคาด-ปัญหาสงครามทางการค้า มองแนวโน้มพรุ่งนี้แกว่งไซด์เวย์ โดยให้แนวต้าน 1,200 จุด แนวรับ 1,180 จุด เป็นแนวรับแรก และแนวรับต่อไป 1,170 จุด
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง เปิดเผยถึงดัชนีหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,188.41 จุด ลดลง 15.31 จุด หรือ-1.27% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 45,011.92 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลง โดยที่ปัจจัยกดดันส่วนหนึ่งมาจากการที่ผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้มีแรงขายออกมาหลังจากที่ผ่านพ้นช่วงการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/67 ไปแล้ว โดยที่หุ้นขนาดใหญ่ทั้ง DELTA ADVANC BBL และ CPALL ที่ปรับตัวลงกดดันดัชนี
ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยกดดันจากความไม่แน่อนปัจจัยสงครามการค้าของสหรัฐ ซึ่งขึ้นภาษีนำเข้าสินค้านำเข้าเม็กซิโก เร็วกว่ากำหนดมาเป็น 4 มี.ค.นี้ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจโลกที่อาจจะชะลอตัวได้ รวมถึงมีรายงานข่าวจากจีนเตรียมตอบโต้สหรัฐด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ ทำให้เป็นปัจจัยกดดัน ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเชียวันนี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน
สำหรับแนวโน้มพรุ่งนี้คาดแกว่งไซด์เวย์ โดยที่ยังคงต้องติดตามเกี่ยวกับมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการลงทุน และสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้น โดยให้แนวต้าน 1,200 จุด แนวรับ 1,180 จุด เป็นแนวรับแรก และแนวรับต่อไป 1,170 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,669.11 ล้านบาท ปิดที่ 71.25 บาท ลดลง 6.00 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,276.75 ล้านบาท ปิดที่ 271.00 บาท ลดลง 5.00 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,970.40 ล้านบาท ปิดที่ 148.50 บาท ลดลง 3.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,910.87 ล้านบาท ปิดที่ 52.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,593.23 ล้านบาท ปิดที่ 152.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
