ตลาดหุ้นไทยร่วง 17.41 จุด สวนทางภูมิภาค รับแรงกดดันจากหุ้นพลังงาน-หุ้นแบงก์ สำหรับแนวโน้มระยะสั้นยังไม่มีข่าวบวกอย่างชัดเจน ให้แนวรับที่ 1,180-1,170 จุด เป็นแนวรับสำคัญ ส่วนแนวต้าน 1,125-1,240 จุด
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,189.55 จุด ลดลง 17.41 จุด หรือ 1.44% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 47,26.79 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยน่าผิดหวัง เพราะร่วงลงสวนทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวขึ้นมาตอบรับสหรัฐเลื่อนเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ขณะเดียวกันเยอรมันและจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนเศรษฐกิจโลกเติบโต แม้เศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัวลง แต่ภาพตลาดหุ้นบ้านเราดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
สำหรับแรงกดดันมาจากกลุ่มพลังงานปรับลงตามราคาน้ำมันดิบโลก และหุ้นที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้น อาทิ กลุ่มธนาคาร เริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมา จากช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา Outperform มองว่าอาจโยกเงินไปเข้ากลุ่มที่ราคาลงไปลึกและผลประกอบการมีแนวโน้มดี หรือหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีที่คาดหวังได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน อย่างไรก็ดี แรงขายหุ้นใหญ่ยังถ่วงตลาด
สำหรับแนวโน้มระยะสั้นยังไม่มีข่าวบวกอย่างชัดเจน มองภาพเดือน มี.ค. หุ้นกลาง-เล็กมีโอกาสปรับขึ้น ส่วนหุ้นใหญ่ยังเผชิญปัจจัยลบจากเศรษฐกิจโลก และทิศทาง Fund Flow อีกยังกังวลความไม่แน่นอนของกองทุน ThaiESG 2 ที่จะรับโอนเม็ดเงินจากกองทุน LTF ที่ครบกำหนดไถ่ถอน โดยให้แนวรับที่ 1,180-1,170 จุด เป็นแนวรับสำคัญ ส่วนแนวต้าน 1,125-1,240 จุด หากผ่านไปได้มองมีแนวโน้มอาจเป็นขาขึ้นระยะยาว
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 3,135.84 ล้านบาท ปิดที่ 77.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,199.95 ล้านบาท ปิดที่ 51.75 บาท ลดลง 0.75 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,139.85 ล้านบาท ปิดที่ 274.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
BH มูลค่าการซื้อขาย 1,620.79 ล้านบาท ปิดที่ 178.00 บาท ลดลง 12.00 บาท
PTT (XD) มูลค่าการซื้อขาย 1,572.96 ล้านบาท ปิดที่ 29.75 บาท ลดลง 1.25 บาท