หรัฐมนตรี ปลื้มค่าฝุ่นควัน PM2.5 ลดลงเฉลี่ย 16% ทั่วประเทศ พร้อมเตรียมรับมือ “ช่วงอันตราย” 60 วันข้างหน้า สั่งการ สธ. ดูแล สนับสนุนผู้มีความเสี่ยงในพื้นที่ชายแดน ขอให้ ปชช.มั่นใจ ปัญหาฝุ่นควันจะได้รับการดูแลอย่างจริงจัง
เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ณ ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) ชั้น 7 อาคารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท กรุงเทพฯ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการติดตามการดำเนินงานรับมือและบริหารจัดการสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 โดยมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีรับฟังผลการดำเนินงานรับมือและบริหารจัดการสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 จากนางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 ยังคงมีความหนาแน่นในโซนภาคเหนือ เนื่องจากฝุ่นควันที่พัดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนปัญหาฝุ่นควันในประเทศนั้น ทุกหน่วยงานทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ปีนี้ค่าฝุ่นควันลดลงเฉลี่ย 16% ทั่วประเทศ และบางพื้นที่ลดลงมากกว่า 20% เป็นผลจากการใช้มาตรการเชิงรุกของหน่วยงานรัฐทุกภาคส่วน รวมถึงการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการเผาให้กับประชาชนและการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในช่วง 60 วันข้างหน้านี้จะเป็น “ช่วงอันตราย” เนื่องจากฝนจะลดลง ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าฝุ่นเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง รัฐบาลได้เน้นย้ำให้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ พร้อมทั้งให้ความรู้และข้อระมัดระวังที่จำเป็น โดยกระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ดูแลและจัดเตรียมอุปกรณ์สนับสนุนการช่วยเหลือให้กับผู้ที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน นอกจากนั้น รัฐบาลได้มีการอนุมัติงบกลางจำนวน 620 ล้านบาท เพื่อบริหารจัดการปัญหาไฟป่า ส่งผลให้จำนวนจุดความร้อน (Hotspot) ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ปัญหาฝุ่นควันจะถูกยกเป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักที่จะดูแลเรื่องนี้ นอกจากนี้ ต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนร่วมประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านในระดับผู้บริหารและอธิบดี เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาฝุ่นควันในภูมิภาค ทั้งนี้ ประชาชนมั่นใจได้ว่าปัญหาฝุ่นควันกำลังได้รับการดูแลอย่างจริงจัง พร้อมทั้งมีมาตรการรองรับและเตรียมความพร้อมเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในทุกพื้นที่ของประเทศ