‘ศิริกัญญา’ หวั่นแนวคิด ‘ซื้อหนี้เสียประชาชน’ ซ้ำรอย ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ซัด ‘จุลพันธ์’ ไม่เข็ด พูดกลับไปกลับมา ขณะ ‘พิชัย’ ก็แบ่งรับแบ่งสู้ เสียเครดิตไปเยอะ ถาม ‘นายกฯอิ๊งค์’ คุยกับ ‘พ่อ’ ในรายละเอียดแล้วยัง
วันที่19 มี.ค. 2568 ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีแนวคิดให้ซื้อหนี้เสียประชาชนจากธนาคาร ว่า ประเด็นแรกจะซื้อออกมาในปริมาณเท่าไหร่ ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะซื้ออกมาทั้งหมด เพียงแค่หนี้ Non-Performing Loan หรือ NPL ก็มีมูลค่าหนี้อยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท แต่เวลาธนาคารขายหนี้ให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ก็ไม่ได้ขายมูลค่าหนี้สินในราคา 100 เปอร์เซนต์
“ถึงแม้จะไม่ได้เงิน1.2 ล้านล้านบาท ก็ยังต้องใช้ถึง 3-5 แสนล้านบาท ขึ้นอยู่กับว่าจะต่อรองกับธนาคารพาณิชย์ว่าจะซื้อในราคาเท่าไหร่ แต่มูลค่าที่ต้องใช้ในการซื้อยังสูงมาก ปัจจุบันเรามีบริษัทในการซื้อหนี้กับธนาคารพาณิชย์อยู่แล้ว ที่มีอยู่เรียกว่าบริษัทบริหารสินทรัพย์อยู่ประมาณ 87 แห่ง มีมูลค่ารวมของหนี้ที่จัดการกันทั้งหมดแค่ 3 แสนล้านบาทเท่านั้น ถ้าจะต้องใช้เงินมากขนาดนี้ บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่เอาเงินมารวมกันก็ยังไม่มีเงินซื้อ” น.ส.ศิริกัญญากล่าว
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า มีการระบุว่า จะไม่ใช้เงินจากรัฐบาลแม้แต่บาทเดียว ก็ต้องถามกลับว่าจะใช้เงินใคร รูปแบบการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ มีการทำกันในหลายประเทศ มีทั้งสำเร็จและล้มเหลว แต่ต้องดูเหตุและปัจจัยอื่นด้วย อีกทั้ง นายทักษิณได้ระบุว่าจะนำชื่อลูกหนี้ออกจากเครดิตบูโรด้วย ตนมองว่าหากลบออกหมด จะกลายเป็นคนไม่มีประวัติ ซึ่งจะทำการกู้ยาก ควรมีวิธีทำให้เป็นประวัติดี เพื่อให้มีประวัติในการที่จะไปกู้ใหม่น่าจะดีกว่า แค่ถ้าถามว่าลูกหนี้จะได้ประโยชน์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าจะต่อรองซื้อได้ราคาเท่าไหร่ ยิ่งรัฐบาลจ่ายเงินซื้อเยอะ ลูกหนี้จะต้องจ่ายหนี้ขึ้นเยอะด้วย
“ไม่แน่ใจว่าจะใช้วิธีใดในการช่วยเหลือประชาชน เป็นรายระเอียดที่เราตอบไม่ได้ ต้องรบกวนสื่อมวลชนไปถามนายทักษิณอีกสักรอบ หรือไปคั้นจากตัวต้นคิด คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าตกลงตอนคุยกับพ่อ คุยไว้ว่าอย่างไรในเรื่องของรายละเอียด”น.ส.ศิริกัญญากล่าว
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า แนวคิดนี้ไม่ใช่แนวคิดใหม่ ได้เคยแสดงวิสัยทัศน์ไว้นานแล้ว แต่รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร ในช่วงนี้คงต้องการดึงความเชื่อมั่นในการแก้ไขเศรษฐกิจ โดยเฉพาะที่นายทักษิณเดินทางไป จ.พิษณุโลก จึงมีความจำเป็นที่ต้องพูดอะไรให้โดนใจประชาชนที่มีปัญหา จึงต้องนำเรื่องนี้กลับมาขายใหม่
เมื่อถามว่า เป็นการแก้ปัญหาตรงจุดหรือไม่ เพราะหนี้ส่วนใหญ่ของคนไทยเป็นหนี้ที่อยู่นอกระบบ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ไม่ตรงจุดแน่นอน ตนมองธนาคารพาณิชย์ได้ประโยชน์ที่สุด เพราะจะได้เคลียร์หนี้เสียที่มีอยู่ ถ้าถามว่าจะทำให้เศรษฐกิจดีได้เลยหรือไม่ ก็ยังต้องทำอีกหลายเรื่อง เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคตไม่ดี สุดท้ายธนาคารก็ยังไม่ปล่อยกู้ใหม่อยู่ดี เพราะเห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคตจะมีแต่ต่ำเตี้ยไปเรื่อย กลัวจะไม่ได้เงินคืน
เมื่อถามว่า จะทำให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่ต้องจ่ายหนี้ก็ได้เพราะเดี๋ยวรัฐบาลก็มาจัดการ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ส่วนนี้เป็นอีกปัญหา เมื่อมีข่าวว่าจะช่วย ประชาชนก็เริ่มลังเลว่าจะจ่ายดีหรือไม่ ถือเป็นอันตรายอีกแบบสำหรับระบบเศรษฐกิจ
ในส่วนที่ยังไม่มีแนวทางชัดเจนจากกระทรวงการคลังนั้น น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันขนาดนั้นหรือไม่ เพราะสัมภาษณ์เมื่อเช้าก็บอกว่ามีความเป็นไปได้ และ มีความเป็นไปไม่ได้อยู่ ดูแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะหลายครั้งที่รับนโยบายมาแล้วทำไม่เสร็จ ก็เสียเครดิตไปเยอะ รอบนี้เลยรู้สึกถึงความแบ่งรับแบ่งสู้ของนายพิชัย
ส่วนคนที่ยังมั่นใจว่าทำได้แน่นอน คือนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งอาจจะยังไปเข็ดกับการออกมาพูดกลับไปกลับมาของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งตนมองว่าอาจจะซ้ำรอยกับดิจิทัลวอเล็ต แต่ความเสียหายอาจจะมากกว่า.