รัฐบาลปลื้ม 2 เดือนแรกนักลงทุนแห่เข้าประเทศไทย 181 ราย ญี่ปุ่น-จีน เยอะสุด ส่งออกกระเตื้องขึ้น 13% ฟันเม็ดเงินกว่า 2 ล้านล้านบาท
เมื่อวันที่ 29 มี.ค.68 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เสียงจากใจ…ไทยคู่ฟ้า” ว่า ประเทศไทยหยุดนิ่งมากกว่า 10 ปี ตั้งแต่มีการปฏิวัติเมื่อปี 2557 วัดดัชนีความเชื่อมั่น ดัชนีการลงทุน หรือแม้แต่กระทั่ง GDP ของประเทศเติบโตแค่ 1% กว่าๆ ทั้งๆที่ประเทศในประชาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียนทั้งลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน เมียนมา ก็มีการเติบโตกันค่อนข้างเยอะ จนประเทศไทยอยู่รั้งท้ายของประชาคมอาเซียน
ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ดำเนินการแก้ไขปัญหาหลากหลา ทั้งเชิญชวนนักลงทุน นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยได้จำนวนมาก ไหนรัฐบาลชุดนี้ทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้ดัชนีชี้วัด 2 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนนักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยภายใต้พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ทั้งหมด 181 ราย เทียบกับช่วงในการของปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นมา 68 เปอร์เซ็นต์ โดย 41 ราย เป็นการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจ ของคนต่างด้าว อีก 140 ราย เป็นการขอรับรองการประกอบธุรกิจ รวมเป็นเงินกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท ประเทศที่ลงทุนเป็นอันดับ 1 คือประเทศญี่ปุ่น รองลงมาคือประเทศจีน
นอกจากนี้ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ตัวเลขการส่งออกของไทยเมื่อเดือนก.พ. ของไทยขยายตัว 14 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่า 9 แสนล้านกว่าบาท เมื่อรวมกับเดือนม.ค.ซึ่งส่งออกเฉลี่ยสองเดือนโต 13 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าประมาณ 2 ล้านล้าน ดังนั้นก็ถือว่าประเทศไทยน่าลงทุน ขอให้การเมืองนิ่งๆ ไม่วุ่นวาย เดินหน้าไปเรื่อยๆ นายกฯ บริหารรการแบบนี้ แก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จฉับไว ซึ่งนายพิชัยบอกว่าเครื่องยนต์เศรษฐกิจของไทยกำลังไปได้ดีทุกตัว โดยในปีนี้และปีที่แล้ว ต่อเนื่องกันมีการลงทุนและก็ขอการรับการส่งเสริมการลงทุนประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท ขณะนี้หลายโรงงานก็ใกล้เสร็จแล้วและมีการขอเพิ่มไปอีก นั่นหมายความว่านักลงทุนมาลงทุนในประเทศไทยเพราะมีความมั่นใจ