วันพฤหัสบดี, เมษายน 17, 2025
หน้าแรกNEWS‘พิชัย‘ แจง ไม่รีบเจรจาทันที หลังสหรัฐฯ ขึ้นภาษี เหตุการเจรจาไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘พิชัย‘ แจง ไม่รีบเจรจาทันที หลังสหรัฐฯ ขึ้นภาษี เหตุการเจรจาไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

‘พิชัย‘ แจง ไม่รีบเจรจาทันที หลังสหรัฐฯ ขึ้นภาษี เหตุการเจรจาไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ต้องดูความต้องการสหรัฐจริงๆ คืออะไร-อยากแก้อะไร ยัน พร้อมเดินทางไปเจรจาเมื่อโอกาสเปิดสองฝ่าย ย้ำ การไปเจรจาต้องมั่นใจสิ่งที่ไปคุย ขอเวลาทำโจทย์ให้ละเอียด ทำให้ชัดเจน เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย-เกิดสมดุลการค้า แจงยิบ 5 มาตรการปรับสมดุลเบื้องต้น

วันที่ 8 เม.ย. 68 ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง แถลงถึงผลการประชุมติดตามมาตรการการค้าสหรัฐอเมริกา โดยใช้เวลาในการแถลงกว่าครึ่งชั่วโมง

นายพิชัย กล่าวว่า เหตุผลที่ไทยไม่รีบเจรจาทันที หลังสหรัฐฯ ขึ้นภาษี เพราะเรารู้ว่า การเจรจาไม่ได้ง่ายขนาดนั้น และต้องมาพิจารณาความต้องการของสหรัฐจริงๆ คืออะไร และอยากแก้อะไร และพร้อมเดินทางไปเจรจาเมื่อโอกาสเปิดทั้งสองฝ่าย เพราะเวลาไปเจรจาเราต้องมั่นใจสิ่งที่ไปคุยกับเขา ว่าทิศทางที่ทำ ปฏิบัติได้ และยังตัองทำงานหนักใน 2 วันนี้ เพื่อทำให้เห็นว่า สิ่งที่เราคิดทำได้

นายพิชัย มองว่า การที่สหรัฐมีการเรียกเก็บภาษีไทยที่ 36 % ไม่ใช้อัตราภาษีที่สหรัฐอยากจะเก็บ แต่เป็นความต้องการของสหรัฐที่อยากลดการขาดดุลการค้าซึ่งมากเกินไป ตามสัดส่วนของแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นโจทย์ของไทยที่ต้องแก้ไขดุลการค้า และเมื่อมานั่งดูปัญหา พบว่า สหรัฐขาดดุลการค้ามานาน และฐานการผลิตไม่มีในประเทศ และพึ่งพาการบริโภคและการบริการ และผลที่ตามมาทำให้หนี้ของรัฐบาลสหรัฐ อยู่ที่ประมาณ​ 123 % ของจีดีพี ทำให้จ่ายดอกเบี้ยเยอะ ทำให้สหรัฐต้องการลดหนี้ลง ลดการเสียเปรียบดุลการค้า และอยากให้ฐานการผลิตย้ายไปสหรัฐฯ ให้มากที่สุด

นายพิชัย ยืนยันว่า เรื่องนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ทำการบ้านมา 2 เดือนกว่าแล้ว โดยจะมีการดำเนินการดังนี้ ข้อ 1. เราพบว่า สินค้าเกษตรมีหลายสินค้าที่ไทยยังขาด และจำเป็นต้องนำเข้ามาแล้วแปรรูป โดยเฉพาะอาหารสัตว์ ไทยผลิตได้ 20 ล้านตัน และใช้ข้าวโพดเป็นวัสถุดิบทำอาหารสัตว์ประมาณ 9 ล้านตัน ซึ่งไทยปลูกได้เพียง 5 ล้านตัน และจำเป็นต้องนำเข้า 4 ล้านตัน จึงจำเป็นต้องซื้อจากสหรัฐเพื่อลดขาดดุลการค้า และราคาสามารถแข่งขันได้ และหากซื้อจากสหรัฐก็จะได้ราคาถูก แต่รัฐบาลจะต้องมาพิจารณาว่า ต้องซื้อปริมาณเท่าไร เพื่อดูแลเกษตรกรไทยที่ปลูกข้าวโพดด้วย รวมถึงผลิตภัณฑ์จากอาหารสัตว์ โดยเฉพาะเครื่องในสัตว์ ที่อาจจะนำเข้ามา

นายพิชัย กล่าวว่า ข้อ 2.รัฐบาลจะพิจารณาเรื่องการผ่อนคลายการเก็บภาษีนำเข้าในสินค้า 100 กว่าชนิด โดยจะมีการวิธีการที่ทำให้คู่ค้าที่เราได้เปรียบเขาอยู่ เราก็ซื้อเขาในสัดส่วนที่มีโควต้าอยู่ เป็นต้น ก็จะสามารถบริหารจัดการสิ่งต่างๆได้

ข้อ 3. จะลดกลไกทางกฏหมายที่ทำให้สหรัฐฯ เกิดความไม่สะดวก และทำให้เกิดปัญหาโดยไม่จำเป็น เพราะกฏหมายไทยหลายอย่างมีความซ้ำซ้อน และเมื่อมีการแก้กฏหมาย ก็จะถือโอกาสเพิ่มประสิทธิภาพทำให้กฏหมายไทยดีขึ้น และลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อน

ข้อ 4.รัฐบาลจะไปพิจารณาเรื่องอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษี (Non-Tariff Barriers: NTB) โดยจะดูว่า สินค้าที่มาจากประเทศอื่นแล้วผ่านมาที่ไทย จะมีการออกต้นถิ่นกำเนิดของสินค้า เราจะทำเรื่องนี้ด้วยความรอบคอบมากขึ้น เพื่อทำให้สินค้าที่ใช้ไทยเป็นทางผ่าน เกิดน้อยที่สุด

ข้อ 5.รัฐบาลจะพิจารณารับซื้อก๊าซธรรมชาติจากสหรัฐ ซึ่งพบว่า มีต้นทุนที่ถูก หากไม่รวมค่าขนส่ง ต้นทุนอยู่ที่ 2 เหรียญกว่า แต่ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยอยู่ที่ 5 เหรียญกว่า ไทยซื้อเป็นสัญญาอยู่ที่ 12 เหรียญ ซึ่งคิดว่า หากซื้อก๊าซจากสหรัฐฯ รวมค่าขนส่ง น่าจะซื้อได้ และหากซื้อจากอลาสก้าก็ขนส่งทางเรือมายังไทยได้

รวมถึง สหรัฐฯ อยากเห็นนักลงทุนไปลงทุนในสหรัฐ เช่น ไทยเชี่ยวชาญด้านการแปรรูปสินค้าเกษตร อาจมีการไปตั้งโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตรในสหรัฐ ขายในสหรัฐและขายไปทั่วโลก ซึ่งบริษัทที่จะไปลงทุนต้องมีศักยภาพ และเป็นบริษัทที่เป็นมีความต้องการในสินค้านั้นเป็นพื้นฐาน และมั่นใจว่า เรื่องของเงินทุนไม่มีปัญหา เพราะเรามีสถาบันการเงินที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ

“การที่เราทำสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่อเมริการยื่นข้อเสนอโหดมา ขู่มา แต่ผมคิดว่า เป็นความจำเป็นของประเทศเขาที่ต้องทำสิ่งเหล่านี้ เราพอเข้าใจ แต่สิ่งที่เราจะทำ เราจะดูว่า เราต้องการอะไร มีขีดความสามารถอะไร แก้ปัญหาแล้วได้ประโยชน์ด้วย เราต้องมั่นใจสิ่งเหล่านั้นเป็นคู่แมทช์กับอเมริกาพอดี อยากให้ความมั่นใจว่า วิธีการแก้ปัญหาของประเทศผ่านการคิดอยู่เสมอ และต้องการแก้ปัญหาเป็น win win solution ดีทั้งอเมริกา ดีทั้งเรา” นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย กล่าวว่า รมว.พาณิชย์จะไปทำในรายละเอียดทั้งหมด ว่าเรื่องใดบ้างต้องนำเข้า ครม. หรือเรื่องใด ออกแค่ประกาศ แล้วจะไปเจรจากับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา USTR ส่วนตนเองจะดูในภาพรวม ตามการสั่งการของนายกรัฐมนตรี

และไทยจะไม่รีบพูด เพราะคนที่ไปพูดและเสนอลดภาษี กลายเป็นพูดฟรี ลดฟรี ไม่ได้อะไรเกิดขึ้น แต่สิ่งที่เราทำ ต้องไปแก้ปัญหาของเขา และถ้าเราคิดว่า เราอ่านโจทย์ได้เราจะเดินตาม และไม่รีบต้องไปเจรจาทันทีภายในวันพรุ่งนี้ แต่จะขอเวลาทำโจทย์ให้ละเอียดก่อน ทำให้ชัดเจน ว่า 1-5 ปีหลังจากนี้จะเกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย และเชื่อว่าหลังจาก 5 ปีไปแล้ว อาจเกิดสมดุลการค้าได้

ส่วนอาจจะมีบางอุตสาหกรรมที่อาจชะลอการลงทุนในไทยนั้น นายพิชัย ยอมรับว่า คนที่จะลงทุนนอกประเทศ อาจจะขอหยุดหายใจคิดก่อน เพราะช่วงนี้ฝุ่นตลบ ต้องคิดว่า ควรจะลงทุนในไทยดีหรือไม่ หรือลงทุนในประเทศตัวเอง หรือลงทุนในสหรัฐ ต้องคิดจนตกผลึกก่อน

ส่วนจำเป็นต้องมีมาตรการอื่นเสริมหรือไม่ เช่น การลดดอกเบี้ยนโยบาย นั้น นายพิชัย กล่าวว่า การลดดอกเบี้ยนโยบายของไทย พึ่งพิง 2 ปัจจัย คือ ดูเรื่องค่าเงินเฟ้อและดูเรื่องความเสี่ยงของการลงทุน และความปลอดภัยของสถาบันการเงิน แต่สิ่งสำคัญเรื่องดอกเบี้ยต้องดูที่ทิศทางการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ซึ่งเดาใจว่า สหรัฐอยากเห็นดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งในอัตราดอกเบี้ยของไทย ก็ต้องทำให้สอดคล้องกับของโลก

อย่างไรก็ตาม นายพิชัย ยอมรับว่า มาตรการการขึ้นภาษีสหรัฐ ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก เพราะแม้หากไทยกับสหรัฐจะสามารถเจราจาได้ แต่กับประเทศอื่นที่มีปัญหากับสหรัฐ อาจมีปัญหากับไทยทางอ้อมได้ ซึ่งหากไทยไปซื้อประเทศหนึ่งเพิ่มขึ้น ก็ต้องไปลดกับอีกประเทศหนึ่ง ถือเป็นการจดสมดุลใหม่ทั่วโลก

นายพิชัย ยืนยันว่า มาตรการห้ามชอร์ตเซล ในตลาดหุ้นชั่วคราว จะไม่มีการขยายระยะเวลาออกไป จะทำแค่ 4 วัน จนถึง 11 เม.ย.นี้เท่านั้น แต่มีเงื่อนไขว่า สามารถเลิกพิจารณาได้ทุกวัน แต่เชื่อว่า สิ่งเหล่านี้ดีกับนักลงทุน

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img