ตลาดหุ้นไทยปิดพุ่ง 10.24 จุด รับข่าวสหรัฐยกเว้นภาษีตอบโต้สำหรับสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และชิ้นส่วนอื่นๆ เซมิคอนดักเตอร์ เป็นการชั่วคราวส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้ มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,138.90 จุด เพิ่มขึ้น 10.24 จุด หรือ 0.91% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 41,200 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยปิดบวก สอดคล้องกับภาพรวมตลาดโลกในช่วงต้นสัปดาห์ (14-15 เม.ย.) ที่ปรับขึ้นรับปัจจัยบวกจากสหรัฐยกเว้นภาษีตอบโต้สำหรับสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และชิ้นส่วนอื่นๆ เซมิคอนดักเตอร์ เป็นการชั่วคราว แต่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการช่วงสงกรานต์วันนี้จึงปรับตัวขึ้นทำให้ภาพสวนทางภูมิภาคที่มีแรงขายทำกำไรออกมา
นอกจากนี้ หุ้นหลายตัวมีแรงซื้อกลับหลังจากราคาลงไปมากแล้ว อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มอิงเศรษฐกิจโลก อาทิ ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์ พร้อมทั้งมองโอกาสคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมปลายเดือนเม.ย.นี้ ขณะที่มีแรงขายทำกำไรในหลายกลุ่มสลับออกมา โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ เช่น SCB , KTB ที่ขึ้น XD
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้ มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ แต่อาจจะขึ้นไปได้ไม่มาก เพราะภาพรวมการลงทุนยังอยู่ในโหมดระมัดระวังแม้จะผ่อนคลายเรื่องภาษีสหรัฐลงบ้าง แต่ยังมีภาพของสหรัฐหาแนวร่วมสกัดกั้นสินค้าจากจีน ขณะที่ไทยทำได้ลำบาก เพราะภาพเศรษฐกิจไทยอิงกับเศรษฐกิจจีนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะท่องเที่ยว และปิโตรเคมี
อีกทั้งต้องติดตามธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทย และแม้กลุ่มธนาคาร Valuation ไม่แพง แต่ก็ยังต้องระวัง GDP ไทยที่มีโอกาสถูกปรับลงมาที่ 2% หรือต่ำกว่านั้น จะกระทบต่อการขยายตัวของสินเชื่อ ทำให้ตลาดหุ้นภาพรวมยังเป็นขาลง พร้อมให้แนวต้าน 1,155 จุด แนวรับ 1,120 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,844.56 ล้านบาท ปิดที่ 154.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,634.97 ล้านบาท ปิดที่ 50.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,414.46 ล้านบาท ปิดที่ 66.25 บาท ลดลง 2.50 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,210.18 ล้านบาท ปิดที่ 113.50 บาท ลดลง 8.00 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 1,870.52 ล้านบาท ปิดที่ 47.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท